ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมทางหลวงชนบท หารือชาวบ้าน ต.บึง สร้างถนนสาย ชบ.1032 แยก ทล.7-บ.ปากร่วม อ.ศรีราชา แนวถนนใหม่ ตอนที่ 2 ระยะทางประมาณ 2 กม. โดยเป็นการสำรวจออกแบบแนวถนนใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงแหล่งชุมชนหนาแน่นในตลาดบึง
วันนี้ (3 ก.ค.) นายอมร จันทร์สกุล ผู้อำนวยการกลุ่มงานออกแบบทางโลจิสติกส์ สำนักสำรวจออกแบบ กรมทางหลวงชนบท นายสุเชฎฐ์ ดอกไม้ วิศวกร บริษัทที่ปรึกษา บริษัท พีทีอี เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ต.บึง อ.ศรีราชา ประมาณ 20 คน ที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ในการก่อสร้างถนนสายดังกล่าว เข้าร่วมประชุม และเสนอแนวทาง ณ ห้องประชุมโสตพะยังกูล โรงเรียนบึงศรีราชาพิทยาคม ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
นายอมร จันทร์สกุล ผู้อำนวยการกลุ่มงานออกแบบทางโลจิสติกส์ สำนักสำรวจออกแบบ กรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า บริเวณดังกล่าวมีแนวโน้มปริมาณจราจรเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นอุปสรรคในการคมนาคมขนส่งสินค้าของนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ เนื่องด้วยถนนสาย ชบ.1032 แยก ทล.7-บ.ปากร่วม อ.ศรีราชา เป็นถนนเชื่อมระหว่างทางหลวงชนบทสาย รย.3013 (บริเวณแยกปากร่วม) ที่เป็นสถานที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก เพื่อเชื่อมต่อไปยังท่าเรือแหลมฉบัง แต่ปัจจุบันถนนดังกล่าวมีความคับแคบ และมีปริมาณรถบรรทุกสัญจรผ่านแหล่งชุมชนจำนวนมาก ดังนั้น กรมทางหลวงชนบท จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงถนนสายดังกล่าว
โดยการสำรวจออกแบบรายละเอียดถนนสาย ชบ.1032 แยก ทล.7-บ.ปากร่วม อ.ศรีราชา ซึ่งเป็นการปรับปรุงช่องจราจร เริ่มต้นจากแยกทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (บริเวณ กม.ที่ 28+100) สิ้นสุดโครงการที่ทางหลวงหมายเลข 331 (แยกปากร่วม) ระยะทางประมาณ 12.500 กิโลเมตร (ตอนที่ 1) และจาก ทล.7-สาย ชบ.1032 ประมาณ กม.ที่ 2+800 ระยะทางประมาณ 2.0 กม.(ตอนที่ 2)
นายอมร กล่าวต่อไปว่า โครงการดังกล่าวจะต้องมีการสำรวจออกแบบถนนเพื่อได้แบบก่อสร้างและแผนที่เขตทาง หลังจากนั้น ก็จะต้องออกพระราชบัญญัติเวนคืนที่ดิน คาดว่าในเบื้องต้นจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2562-2563 จากนั้นในปี พ.ศ.2564-2565 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะใช้ระยะรวมทั้งสิ้น 5 ปี
ด้าน นายชูกฤษณ์ แตงอ่อน กำนันตำบลบึง อ.ศรีราชา กล่าวว่า สำหรับวันนี้ได้เรียกชาวบ้านที่คาดว่าจะถูกเวนคืนที่ดินที่จะใช้ก่อสร้างถนนสาย ชบ.1032 แยก ทล.7-บ.ปากร่วม อ. ศรีราชา ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อให้ทราบแนวเขตการก่อสร้างถนนสายดังกล่าว จะเข้าไปในพื้นที่ของชาวบ้าน และถูกเวนคืนที่ดินจำนวนเท่าใด โดยจากการสำรวจแนวเขตทางนั้นจะส่งผลกระทบที่ดินของชาวบ้านประมาณ 20 คนเท่านั้น
สาเหตุที่ต้องมาสำรวจและก่อสร้างเส้นทางสายนี้ เนื่องจากเดิม กรมทางหลวงชนบท จะขยายจากแยกทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (บริเวณ กม.ที่ 28+100) สิ้นสุดโครงการที่ทางหลวงหมายเลข 331 (แยกปากร่วม) ระยะทางประมาณ 12.500 กิโลเมตร (ตอนที่ 1) จากเดิมขนาด 2 ช่องจราจร ให้เป็น 4 ช่องจราจร แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งชุมชน และมีอาคารบ้านเรือนของชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านเป็นจำนวนมาก จึงเพียงแต่ปรับปรุงถนนเส้นเดิม พร้อมขยายไหล่ทาง และท่อระบายน้ำเท่านั้น
นายชูกฤษณ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับเส้นทางใหม่ คือ ทล.7-สาย ชบ.1032 ประมาณ กม.ที่ 2+800 ระยะทางประมาณ 2.0 กม.(ตอนที่ 2) นั้น เป็นการตัดเส้นทางใหม่ โดยไม่ได้ผ่านตลาดบึง ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนที่หนาแน่น ซึ่งชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่อเส้นทางสายใหม่ ก็เห็นด้วย ที่ไม่ผ่านตลาดบึง และพร้อมให้การสนับสนุนให้เป็นถนนที่ได้มาตรฐานรวมเขตทางที่กรมทางหลวงชนบทที่ต้องการ 30.00 เมตร เพื่อรองรับการเจริญเติบโตในอนาคต