พม.เชียงรายรับดูแลแม่ลูกสี่ หอบลูกหนีพ่อทาสยานรกจะเอาลูกไปขายแล้ว

เชียงราย - พม.เชียงรายเข้ารับตัวแม่พร้อมลูกน้อย 4 คน ที่หอบลูกหนีสามีที่เมายาบ้า เกรงนำลูกสาวอายุ 5 ขวบไปขาย ระบุครอบครัวนี้อาจปรับทัศนคติเข้าหากันใหม่ได้ แต่ต้องนำตัวผู้เป็นพ่อไปบำบัดก่อน

วันนี้ (28 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีได้มี น.ส.ไก่ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี ชาว ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ได้พาลูก 4 คน อายุ 3 เดือน, 1 ขวบ, 5 ขวบ และ 6 ขวบตามลำดับ หนีออกจากบ้านแล้วไปพักอยู่บ้านญาติที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย โดยระบุว่าเกิดจากสามีติดยาเสพติดและพยายามจะเอาลูกสาววัย 5 ขวบไปขาย ทำให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแม่ขะจาน ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า เข้าช่วยเหลือเบื้องต้นทั้งเรื่องอาหารและของใช้ ก่อนแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าช่วยเหลือครอบครัวรายนี้เกิดเหตุเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เข้าให้การช่วยเหลือแม่ลูกทั้งหมดโดยพาไปพักอยู่ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวแห่งหนึ่งใน จ.เชียงรายแล้ว

น.ส.อณิรา ธินนท์ พม.จ.เชียงราย เปิดเผยว่า หลังจากทราบเหตุได้ให้ทางทีมศูนย์ปฏิบัติการคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว จ.เชียงราย ร่วมกับทีมบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.เชียงราย เข้าให้การช่วยเหลือแม่ลูกทั้งหมดแล้ว เพราะกรณีนี้คาบเกี่ยวระหว่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็ก และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว

“ผลจากการพูดคุยเบื้องต้นกับผู้เป็นแม่เลือกที่จะไปอยู่บ้านพักเด็กฯ ด้วยหวังว่าจะได้รับการคุ้มครองซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ทำตามประสงค์โดยจะเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักก่อน จากนั้นจึงค่อยให้เจ้าตัวไปแจ้งความตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวดังกล่าวต่อไป ซึ่งกฎหมายนี้เนื้อหาจะมุ่งให้ครอบครัวได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขและเข้าใจรวมถึงมีการยอมรับซึ่งกันและกัน โดยอาจจะต้องใช้เวลาในการพูดคุย ฟื้นฟู เป็นต้น เมื่อได้สอบถามผู้หญิงเขาก็บอกว่ายังรักสามีมากอยู่ทำให้เรื่องนี้จึงอาจจะไม่ยาก แต่จะต้องเร่งรีบดำเนินการเพื่อประโยชน์สำหรับเด็ก เพราะทราบว่าปัจจุบันเด็กยังอยู่ในวัยเรียนจึงต้องหาที่เรียนใหม่ให้ได้ในช่วงนี้เสียก่อน ส่วนระยะยาวจะเรียนที่ไหนก็ค่อยว่าอีกที โดยปัจจุบันคงให้เรียนที่โรงเรียนที่ตั้งอยู่ใกล้กับบ้านพักเด็กที่สุดก่อน เพราะตั้งแต่ออกจากบ้านมาก็ยังไม่มีที่เรียนหนังสือเลย” น.ส.อณิรากล่าว และว่า

ทั้งนี้ หลังการฟื้นฟูทั้งหมดก็จะต้องดูต่อไปว่าทางครอบครัวนี้ต้องการความช่วยเหลือด้านใดอีก เช่น เงินทอง อาชีพ ฯลฯ โดยมีนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ เข้าไปดูแลเพื่อทราบและตอบสนองความต้องการต่อไป ทั้งนี้ในระยะยาวหากว่าสามีและภรรยาคู่นี้สามารถปรับทัศนะและความคิดเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ก็จะถือว่าประสบความสำเร็จเพราะเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องการ

กระนั้นตลอดการดำเนินการเจ้าหน้าที่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องปัจจัยเสี่ยง เพราะกรณีถูกทำร้ายที่ผ่านมามีหลายกรณีที่เมื่อกลับไปอยู่ด้วยกันแล้วกลับไปเพิ่มความรุนแรงขึ้นมาอีก จึงต้องให้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและคนในพื้นที่ร่วมกันดำเนินการด้วย

พม.จ.เชียงราย กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบผู้เป็นพ่อจึงอยู่ระหว่างลงพื้นที่อยู่ กระนั้นทราบว่าพื้นฐานของครอบครัวนี้ไม่ได้มีความเกลียดแค้นชิงชังกัน โดยยังมีความรักความผูกพันเพียงแต่พฤติกรรมเท่านั้นเองที่สร้างความรุนแรง ที่ผ่านมามีกรณีตัวอย่างเรื่องการดื่มสุราที่เป็นปัจจัยเสริมจึงมีการบำบัดหรือบังคับบำบัด หากว่ายังบำบัดไม่ได้ก็ยังไม่สามารถให้เข้าใกล้ภรรยาและลูก

อย่างไรก็ตาม หากประสงค์จะอยู่กับครอบครัวก็ต้องทำตามที่กฎหมายกำหนดให้ได้ กระนั้นเชื่อว่าครอบครัวนี้จะทำตามขั้นตอน ส่วนทางศูนย์ปฏิบัติการคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว จ.เชียงราย ก็ทำงานร่วมกับศาลเยาวชนและครอบครัว จ.เชียงราย เพื่อให้เป็นกลไกร่วมกันในการเข้ามาช่วยปรับทัศนะและพฤติกรรม ซึ่งก็จะมีความเข้มข้นมากกว่าการดำเนินการของนักสังคมสงเคราะห์ตามปกติต่อไป