บุรีรัมย์ - แก๊งค้ายาเสพติดปรับรูปแบบซุกซ่อนยาบ้า ยาไอซ์ ใต้กระปุกครีมมาสก์หน้าขาวเด้งกระจายส่งเครือข่ายทางรถโดยสาร กระปุกละ 20,000 บาท ทำทีเหมือนขายครีมหวังตบตาเจ้าหน้าที่ แต่ไม่รอดพ้นสายตาชุดพิทักษ์บุรีรัมย์สนธิกำลังวางแผนรวบได้พร้อมของกลางยาบ้าซุกในกระปุกครีมร่วม 9,000 เม็ด ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์กำชับทุกฝ่ายสนธิกำลังเอกซเรย์เข้ม เชื่อมีอีกหลายรูปแบบ
วันนี้ (27 มิ.ย.) นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อม พล.ต.เดชอุดม นิชรัตน์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26, พ.ต.อ.วีระพล เจริญศิริ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ ได้ร่วมกันแถลงการณ์จับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์
หลังชุดพิทักษ์บุรีรัมย์ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ตชด. และฝ่ายปกครอง ได้สนธิกำลังวางแผนล่อซื้อจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญ 2 คน คือ น.ส.ทิพวรรณ อักษรไชย หรือออย อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 ม.7 ต.ไทยเจริญ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ และ นายณัฐพงศ์ พิลาศรี หรือออด อายุ 20 ปี
หลังสืบทราบว่าทั้ง 2 มีพฤติกรรมลักลอบนำยาเสพติดมาจำหน่ายในพื้นที่ โดยรับยาบ้ามาจาก นายฐาปกรณ์ โกศัลวัฒน์ชนะภัย หรือเสี่ยเบิร์ด อายุ 30 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ซึ่งใช้รูปแบบการซุกซ่อนยาบ้า และยาไอซ์รูปแบบใหม่ โดยการนำยาบ้าจำนวน 200 เม็ดใส่ในถุงพลาสติกแบบใส่แล้วหุ้มด้วยกระดาษฟอยล์ทับอีกชั้น ก่อนบรรจุไว้ใต้กระปุกครีมมาสก์หน้าขาวเด้ง แล้วใช้เนื้อครีมปิดทับด้านบนเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ ส่วนยาไอซ์จะทำในลักษณะเดียวกัน โดยยาบ้าและยาไอซ์จะแยกกระปุกคนละสีเพื่อให้จำได้
จากนั้นเสี่ยเบิร์ดจะทำการส่งยามาให้เครือข่ายในจังหวัดต่างๆ ทางรถโดยสารเหมือนกับการส่งพัสดุหรือขายครีมทั่วไป โดยหากเป็นยาบ้าจะขายให้เครือข่ายในราคากระปุกละ 20,000 บาท จากนั้นจะนำไปขายต่อเป็นเม็ด เม็ดละ 300-400 บาท ซึ่งหากไม่มีการใช้เครื่องตรวจสแกนตรวจอย่างละเอียดแทบจะไม่ทราบว่าภายในกระปุกมียาบ้า หรือยาไอซ์ซุกซ่อนอยู่ ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ถือเป็นวิวัฒนาการใหม่ของขบวนการค้ายาในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 พร้อมของกลางยาบ้า 8,948 เม็ด ยาไอซ์ 10 กรัม กระปุกครีมมาสก์หน้าเด้งสำหรับบรรจุยาบ้าอีกจำนวนมาก อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนขนาดเดียวกัน 23 นัด ส่งให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นทั้ง 2 ถูกแจ้งข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
ด้าน นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่มีการตรวจจับทั้งผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติดอย่างต่อเนื่องจริงจัง จึงทำให้ขบวนการดังกล่าวมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบในการซุกซ่อนและส่งขายยาจากเดิมเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีอีกหลายรูปแบบ จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้สนธิกำลังกันเอกซเรย์ตรวจสอบพฤติการณ์และรูปแบบที่คาดว่าจะใช้ซุกซ่อนยาบ้าอย่างเข้มข้นมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดในพื้นที่อย่างเด็ดขาด
