ร้อยเอ็ด - สองสาวขี่จักรยานยนต์เฉี่ยวชนชายสูงอายุล้ม พบวัยรุ่นทำตัวเป็นพลเมืองดีทำทีมาช่วยยกรถ-เก็บของ แต่กลับฉกกระเป๋าพร้อมเงิน 6,000 บาทหนีลอยนวล ตำรวจเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดจุดต่างๆ หาผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน ชี้หากไม่เกี่ยวกับการลักทรัพย์ให้มาแสดงตัวแสดงความบริสุทธิ์ใจ
วันนี้ (27 มิ.ย. 60) ร.ต.อ.อุทัย พันธุ์เหนือ ร้อยเวร (40) สภ.ร้อยเอ็ด พร้อมด้วยชุดสายสืบนอกเครื่องแบบ รับแจ้งเหตุจักรยานยนต์ 2 คันเฉี่ยวชนกันที่สี่แยกไฟแดง ถนนราชการดำเนิน ตัดถนนปัทมานนท์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่เงินสดหายไปจากที่เกิดเหตุ 6,000 บาท จึงเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ไอคอน สีเทา-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่นั่งมาสองพี่น้อง คือ นางสาวภัทราพร พงษ์ภักดี อายุ 31 ปี ซ้อนท้าย มีนางสาวภัทวารี พงษ์ภักดี อายุ 23 ปี น้องสาวเป็นคนขี่
ทั้งคู่อยู่บ้านเลขที่ 442 บ้านทุ่งนาหลวง ม.5 ต.รอบเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด เกิดเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีแดง ทะเบียน กกข 450 ร้อยเอ็ด มีนายจำลอง กรมวัง อายุ 59 ปี คนขี่ อยู่บ้านเลขที่ 189 บ้านแก่นทราย ม 14 ต.แก่นทราย อ.เมืองร้อยเอ็ด ทำให้รถเสียหายเล็กน้อย และนายจำลองได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่ฝ่ามือ ส่วนพี่น้องสองสาวไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ช่วงชุลมุนปรากฏว่าเงินสดในกระเป๋าถือของนางสาวภัทราพร ที่มีเงิน 6,000 บาท หายไปขณะเกิดเหตุ
จากการสอบสวนปากคำสองพี่น้องรับว่าก่อนเกิดเหตุพวกตนขี่รถจักรยานยนต์ไปกดเงินที่ธนาคารกรุงเทพ ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองร้อยเอ็ด จำนวน 6,000 บาท เพื่อจะไปจ่ายเงินค่างวดรถยนต์ที่ร้านสะดวกซื้อ เมื่อมาถึงสี่แยกไฟแดงที่เกิดเหตุแล้วได้เลี้ยวซ้ายโดยขาดความระมัดระวัง จนเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของนายจำลอง กรมวัง ล้มลงบนถนนทั้งคู่ สิ่งของที่อยู่ในตะแกรงหน้ารถ พร้อมกระเป๋าเงิน หล่นกระจายลงบนถนน
ขณะที่ล้มลงนั้นมีรถจักรยานยนต์อีกคัน ไม่ทราบยี่ห้อ เลขทะเบียน ขี่มาโดยวัยรุ่นซ้อนกัน 3 คนมาประสบเหตุพอดี ขี่ไปจอดห่างออกประมาณ 10 เมตร แล้วมีคนซ้อนท้ายที่เป็นวัยรุ่นผอมสูงลงมาจากรถเดินมาช่วยเพียงคนเดียว ทำทีเป็นให้ความช่วยเหลือ ช่วยยกรถขึ้นและช่วยเก็บของรวมทั้งกระเป๋าเงินให้ แต่ปรากฏว่าพอยกรถขึ้นเสร็จก็รีบเดินไปขึ้นรถที่เพื่อนสองคนติดเครื่องรออยู่ขับขี่หนีไป
เมื่อตรวจสอบทรัพย์สินปรากฏว่ากระเป๋าเงินที่บรรจุเงินสด 6,000 บาทได้หายไป ซึ่งมั่นใจว่าน่าจะเป็นวัยรุ่นคนดังกล่าวฉกกระเป๋าไปด้วย เพราะขณะเกิดเหตุไม่มีคนอื่นเข้ามาใกล้นอกจากวัยรุ่นคนดังกล่าวเท่านั้น เชื่อมั่นว่าวัยรุ่นคนดังกล่าวน่าจะทำทีเป็นพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือเป็นคนฉกเอากระเป๋าที่ใส่เงินหลบหนีไป
จากการสอบสวนนายชัยประสิทธิ์ ภาลุกา อายุ 33 ปี ซึ่งผ่านมาประสบเหตุ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุไม่มีคนอื่นนอกจากคู่กรณี และตนเห็นชายหนุ่มคนที่ทำตัวเป็นพลเมืองดี เดินไปที่จุดรถล้มช่วยยกรถขึ้น แล้วก็ช่วยเก็บของ เสร็จแล้วรีบเดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่เพื่อนสองคนติดเครื่องรออยู่รีบขับขี่หนีไป ซึ่งตนก็แปลกใจที่มาช่วยยกรถขึ้นและเก็บของแล้วกลับไม่ช่วยคนแล้วรีบขี่รถหนีไป ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าสงสัย ว่าเป็นคนฉกเงินหลบหนีไป
หลังทราบรายละเอียด ร.ต.อ.อุทัย พันธุ์เหนือ ร้อยเวร ได้ประสานขอตรวจภาพจากกล้องวงจรปิด 2 แห่งจากร้านค้าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าไม่เห็นภาพวัยรุ่นต้องสงสัย เนื่องจากกล้องจับภาพแต่เพียงบริเวณหน้าร้านค้า โดยไม่เห็นภาพเหตุการณ์ตรงจุดเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งจะประสานกล้องตัวอื่นในจุดต่างๆ เพื่อตรวจสอบหาผู้ต้องสงสัยมาตรวจสอบสอบสวน และฝากประชาสัมพันธ์ถึงผู้ต้องสงสัย หากไม่เกี่ยวกับการลักทรัพย์ให้มาแสดงตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อไป