ตาก - เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงชายแดนแม่สอด พร้อมอาวุธครบมือบุกทลายโรงงานแปรรูปไม้เถื่อน ปักหลักแปรรูปไม้หวงห้าม-ทำเฟอร์นิเจอร์ติดสนามบิน ยึดของกลางเพียบ รวบคนดูแลแจ้งข้อหาหนัก พบใช้แรงงานต่างด้าวอีกนับสิบ
บ่ายวันนี้ (27 มิ.ย.) นายธนยศ ปานขาว นายอำเภอแม่สอด จ.ตาก ได้นำชุดเคลื่อนที่เร็ว กองร้อย อส.แม่สอด สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการที่ 4 กองบังคับการการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ทหาร ฉก.ร.14, ตชด.346 และสายตรวจป่าไม้บ้านห้วยไม้แป้น รวม 30 นาย พร้อมอาวุธครบมือ ร่วมกันวางแผนจู่โจมเข้าปิดล้อมโรงงานแปรรูปไม้ขนาดใหญ่ไม่มีเลขที่ กลางชุมชนบ้านหนองกิ่งฟ้า ติดกับท่าอากาศยานแม่สอด
หลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าภายในโรงงานแห่งนี้มีการลักลอบแปรรูปไม้หวงห้ามเพื่อนำมาทำสิ่งประดิษฐ์-เฟอร์นิเจอร์ไม้ โดยไม่ได้รับอนุญาต
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปถึงก็ได้แบ่งกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่ถึงสองชั้นเพื่อป้องกันการหลบหนีของกลุ่มผู้กระทำผิด ก่อนจู่โจมเข้าไปภายในโรงงาน ซึ่งมีการเฝ้าระวังคนเข้า-ออกอย่างรัดกุมและเข้มงวด จนคนในโรงงานไม่ทันได้หลบหนีถูกจับกุมได้ขณะกำลังเลื่อยไม้สัก และอีกหลายคนกำลังประกอบไม้เป็นเฟอร์นิเจอร์หลากหลายขนาด
เบื้องต้นสามารถรวบตัวกลุ่มแรงงานต่างด้าว เป็นชายจำนวน 10 คน พร้อมควบคุมตัวนายภูวเรศ สิทธิโชติพงษ์ อายุ 45 ปี เจ้าของโรงงาน ไปทำการสอบสวนเพื่อขยายผล ตรวจยึดเครื่องจักรกลไฟฟ้า เเละเลื่อยวงเดือนหลากหลายขนาดที่ใช้สำหรับการแปรรูปไม้ขนาดใหญ่ รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ที่ใช้ในการกระทำผิด ตลอดจนไม้แปรรูป พร้อมเฟอร์นิเจอร์ลายไม้โบราณที่ทำไว้รอส่งให้ลูกค้าในตลาดค้าไม้ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนและหัวเมืองชั้นในได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่งคงอำเภอแม่สอดแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าของโรงงานแห่งนี้ว่า ตั้งโรงงานแปรรูปไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันค้าสิ่งประดิษฐ์จากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่นายภูวเรศ สิทธิโชติพงษ์ เจ้าของโรงงานฯ ยังไม่ให้การใดๆ ที่เป็นประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่มากนัก โดยขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
ส่วนแรงงานทั้ง 10 ราย ซึ่งไม่มีใบอนุญาตทำงานโดยถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน ถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตากนำตัวไปดำเนินคดี พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาแก่เจ้าของโรงงานแห่งนี้ตามกฎหมายแรงงาน พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ที่เพิ่งจะประกาศใช้ และเพิ่มโทษสูงขึ้น โดยมีการเปรียบเทียบปรับสูงสุดถึงรายละ 4-8 แสนบาท ต่อแรงงานผิดกฎหมายหนึ่งคน