ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เจ้าสาวโคราชวิวาห์ล่ม ฝ่ายเจ้าบ่าวหอบสินสอดมาน้อยกว่าที่ตกลงกันทำให้ฝ่ายเจ้าสาวไม่พอใจ ก่อนที่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะหอบสินสอดหนีกลับไปทำให้งานแต่งงานที่เตรียมไว้ต้องพังครืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 มิ.ย.) เวลา 11.30 น. นางทองไหว ม่วงมุลตรี อายุ 64 ปี พร้อมญาติพี่น้องได้พา นางสาวเบญจภรณ์ วารีศรี อายุ 25 ปี ชาวบ้านตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นหลานสาว และกำลังเข้าพิธีวิวาห์เป็นเจ้าสาวในวันเดียวกันนี้ เข้าแจ้งลงบันทึกประจำวันต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรพิมายว่า ถูกนายอดิเรก ชะดาจันทร์ อายุ 24 ปี เจ้าบ่าวชาวจังหวัดพิจิตรหอบเงินสินสอดหนีไป
จากการสอบถามนางทองไหว ป้าของเจ้าสาวเล่าว่า หลานสาวของตนทำงานเป็นพนักงานของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และได้คบหาดูใจกับนายอดิเรก ชะดาจันทร์ เจ้าบ่าวชาวจังหวัดพิจิตรมาประมาณเกือบ 2 ปี โดยทั้งคู่ได้รู้จักกัน และทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เช่นเดียวกัน โดยทางฝ่ายญาติเจ้าสาว และญาติเจ้าบ่าวได้ตกลงจัดพิธีแต่งงานกัน
ฝ่ายญาติเจ้าสาวได้เรียกค่าสินสอดทองหมั้นเป็นเงิน 1 แสนบาท กับทองคำน้ำหนัก 1 บาท ซึ่งทางญาติฝ่ายชายก็ตกลงตามนั้น
เมื่อถึงพิธีแต่งงานที่บ้านพักของฝ่ายเจ้าสาวในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งทางญาติฝ่ายเจ้าสาวได้แจกการ์ดเชิญแขกเหรื่อจำนวนหลายร้อยคน เลี้ยงโต๊ะจีนจำนวน 50 โต๊ะ ใช้เงินลงทุนจัดงานแต่งงานเป็นเงินกว่า 1 แสนบาท
แต่พอถึงกำหนดเวลาทางญาติฝ่ายเจ้าบ่าว และตัวเจ้าบ่าวประมาณ 20 คน ได้เดินทางแห่ขันหมากมาในช่วงเช้า แต่พอถึงเวลานับเงินสินสอดปรากฏว่าฝ่ายเจ้าบ่าวมีเงินสดเพียง 5 หมื่นบาท และทองคำหนัก 1 บาท ซึ่งเงินสินสอดขาดหายไปอีก 5 หมื่นบาท ซึ่งทางญาติฝ่ายเจ้าสาวบอกว่าถ้าเงินไม่พอก็ให้นำเงินสินสอดมาเพิ่มทีหลังก็ได้
แต่ปรากฏว่าทางญาติฝ่ายเจ้าบ่าวกลับยืนยันว่าจะให้เงินสินสอดเพียงเท่านี้ ทางญาติฝ่ายเจ้าสาวจึงไม่พอใจว่าทำไมฝ่ายเจ้าบ่าวถึงพูดแบบนี้ จึงให้ทางญาติฝ่ายเจ้าบ่าวไปพูดคุยตกลงกันที่บริเวณหน้าบ้านก่อน ซึ่งพอทางญาติฝ่ายเจ้าบ่าวออกไปนั่งคุยกันสักพักก็ได้พากันเดินขึ้นรถขับกลับออกจากงานไป พร้อมกับนำเงินสินสอดทั้งหมดไปด้วย
ทำให้ตัวเจ้าสาวถึงกับเป็นลมล้มพับ ญาติๆ ต้องช่วยกันปฐมพยาบาล และพาเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ช่วยติดตามตัวฝ่ายเจ้าบ่าวมาตกลงกัน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถติดต่อทางฝ่ายเจ้าบ่าวได้แต่อย่างใด