ปราจีนบุรี - สุดเวทนา 2 พี่น้อง เรียนดีแต่ยากจน บางวันไม่มีแม้แต่เงินที่จะเอาไปซื้ออาหารกลางวัน อดมื้อกินมื้อ อาศัยตาที่ประกอบอาชีพรับจ้างทำงานทั่วไป หารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายของครอบครัว บ้านก็สุดแสนจะโทรมผุพังไปตามกาลเวลา วอนผู้มีจิตศรัทธาช่วยเหลือ อยากเห็นอนาคตเด็กทั้ง 2 คน เจริญก้าวหน้าต่อไป
ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องขอความช่วยเหลือจาก นายแผน ผาสุข ครูชำนาญการพิเศษของโรงเรียนบ้านหว้าเอน ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ได้มีการส่ง และแชร์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็น เรื่องราวของเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่เรียนดี แต่ฐานะทางบ้านยากจน หลังจากลงพื้นที่เยี่ยมบ้านนักเรียนที่รับผิดชอบ อดที่จะเวทนาไม่ได้ จึงหาหนทางเพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนทั้ง 2 คน และครอบครัว
ซึ่งหลังจากที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบพบสภาพบ้านเลขที่ 114 บ้านหว้าเอน ม.8 ต.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี โดยมี นายสละ ท่าด่าน อายุ 68 ปี นางบุญชู ท่าด่าน อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นตายาย ในสภาพบ้านชั้นเดียว ที่เหมือนสร้างไม่เสร็จ สภาพโดยรอบผุพัง หลังคาสังกะสีที่ตอกตะปูกับกิ่งไม้ยูคา บริเวณห้องครัวใช้สังกะสีตีแปะไว้กำลังผุพัง ทั้งห้องน้ำ ห้องครัวไม่มีความปลอดภัย มีเพียงสังกะสีมาตีกันไว้ ส่วนประตูห้องน้ำใช้แผ่นไวนิลมาปิดไว้เท่านั้น
ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวมีผู้อาศัย 7 คน คือ ตายาย น้าชาย 2 คน อายุ 30 ปี และอายุ 18 ปี ซึ่งทั้งสองยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ตัวนักเรียน คือ ด.ญ.พีรยา ปานทอง อายุ 13 ศึกษาอยู่ชั้น ม.1 และน้องชาย ด.ช.พีรพัฒน์ ปานทอง อายุ 11 ปี ศึกษาอยู่ชั้น ป.4 ซึ่งทั้งคู่เป็นนักเรียนของโรงเรียนบ้านหว้าเอน นอกจากนี้ ยังมีลูกของน้าอายุ 8 เดือน อีก 1 คน ที่ทิ้งไว้ให้ยายเลี้ยง ส่วนพ่อแม่ของ ด.ญ.พีรยา และ ด.ช.พีรพัฒน์ หลังจากแยกทางกันก็ไม่กลับมาหา ซึ่งตายายได้เลี้ยงดู และส่งเสียมาโดยตลอด
นายนายสละ ผู้เป็นตา มีอาชีพรับจ้างทั่วไป วันไหนมีคนจ้างถึงจะมีรายได้ รายได้ที่จ้างวันละ 300 บาท รายได้แต่ละเดือนจึงไม่แน่นอน น้าชายก็เช่นกันรับจ้างทั่วไป ปัจจุบันยายสายตาก็ไม่ดีมองไม่ชัดเป็นลมบ่อย จึงไม่มีใครจ้างทำงาน ทำหน้าที่เลี้ยงหลานที่ลูกๆ เอามาปล่อยทิ้งให้เลี้ยง นานๆ จะส่งเงินมาสักครั้ง ซึ่งบางวันตาไม่มีรายได้ ข้าวก็ไม่มีกิน เด็กก็ไม่มีเงินไปโรงเรียนบางวันข้าวเช้าไม่ได้กิน เป็นลมอยู่บ่อยครั้ง น้องพีรยา ได้แต่นั่งมองดูเพื่อนกินข้าว การเป็นอยู่ขัดสนลำบาก
แม้คุณตาจะมีลูกมาก และโตแล้วก็จริง แต่หลายคนไม่ทำงาน นอกจากไม่ทำงานแล้วไปมีครอบครัวพอมีลูกก็เอาลูกมาให้ตากับยายเลี้ยง นายแผน ผาสุข ที่เป็นครูที่ปรึกษา และดูแลน้องมาตลอด มีรายได้เล็กน้อยจากการทำสบู่สมุนไพรจำหน่าย ส่วนน้องชายกำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเดียวกัน การเรียนของน้องพีรยา เป็นคนตั้งใจเรียน มีความสามารถทางด้านคัดลายมือ ผลการเรียนเมื่อจบชั้น ป.6 มี กรดเฉลี่ย 3.48 เคยเป็นตัวแทนระดับมัธยมต้นประกวดคัดลายมือ หน้าที่ทางบ้านช่วยทำงานบ้าน ล้างจาน หุงข้าว ดูแลลูกของน้าซึ่งยังเล็กอยู่
จากการสอบถาม นายสละ ท่าด่าน ผู้เป็นตา เปิดเผยว่า ตอนนี้ตนยังมีกำลังอยู่ก็ยังพอที่จะทำงานเลี้ยงได้ แม้ว่าจะอดบ้างกินบ้าง หากวันไหนเกิดล้มป่วย หรือเป็นอะไรไป ใครจะดูแล เป็นห่วงก็หลานที่กำลังเรียนอยู่ทั้ง 2 คน อยากให้มีอนาคตดีๆ ส่วนจะไปได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง ซึ่งทางด้านน้องพีรยา เองบอกว่า จะตั้งใจเรียนให้สูงๆ อนาคตอยากเป็นแพทย์ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีทุนแค่ไหน
ทั้งนี้ ก็หวังเพียงหน่วยงาน หรือประชาชนที่มีจิตอาสา และผู้มีจิตศรัทธาช่วยเหลือครอบครัวน้องพีรยา และน้องพีรพัฒน์ ให้มีอนาคต ที่ดีๆ สิ่งที่ต้องการขณะนี้คือ การซ่อมแซมบ้านให้ดีกว่านี้ ของอุปโภคบริโภคต่างๆ ที่สามารถช่วยเหลือได้ หรือใครที่จะบริจาคเป็นทุนการศึกษาสำหรับน้องทั้งสอง ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ นายแผน ผาสุข ครูชำนาญการพิเศษของโรงเรียนบ้านหว้าเอน ครูที่ปรึกษา น้องพีรยา ที่เบอร์โทร 08-1723-2278