นครปฐม - ชาวบ้านริมถนนสายพระประโทน-บ้านแพ้ว ถึงผวา หลังเกิดเหตุรถบรรทุกพ่วงพลิกคว่ำไถลลงเกาะกลางถนน หวั่นเป็นรถบรรทุกแก๊ส หรือน้ำมันที่อาจระเบิดขึ้นได้ สุดท้ายเป็นเพียงน้ำเค็มที่เตรียมบรรทุกไปส่งฟาร์มกุ้งแห่งหนึ่ง
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (20 มิ.ย.) ร.ต.อ.แสงเพชร วิลัยกุล รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งเหตุรถบรรทุกพ่วงเสียหลักพุ่งชนขอบสะพานจนพลิกคว่ำขวางถนน สายพระประโทน-บ้านแพ้ว ฝั่งขาเข้าเมืองนครปฐม โดยคาดว่าเป็นรถบรรทุกแก๊ส หรือน้ำมัน เบื้องต้น จึงประสานอาสาสมัครมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม เข้าระงับเหตุ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง
ในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วง หมายเลขทะเบียน 83-5395 นครปฐม สภาพพลิกคว่ำตะแคงข้างขวางถนน ยางล้อด้านหน้าฉีกขาด ส่วนแชสซีส์ตัวพ่วงกระเด็นไปติดอยู่บนเกาะกลางถนน และยังมีคราบน้ำมันไหลกระจายทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม และเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องช่วยกันปิดกั้นถนน 2 เลน เพื่อรอให้รถดับเพลิงเข้าระวังเหตุ เนื่องจากเกรงว่าของเหลวไม่ทราบชนิดอาจทำให้เกิดการลุกไหม้ หรือระเบิดได้
จากการสอบถาม นายพิพัฒน์ แจ้งดี อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถพ่วงคันดังกล่าว และกำลังนั่งร้องไห้ด้วยความตกใจอยู่บริเวณข้างทาง ทราบว่า สิ่งที่บรรทุกมาคือ น้ำเค็มเท่านั้น โดยได้ขับรถบรรทุกน้ำเค็ม หนักรวม 40 ตัน มาจาก จ.สมุทรสงคราม เพื่อจะนำไปส่งฟาร์มกุ้ง ใน จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ขับรถไปส่งน้ำเค็มแล้ว 1 รอบ และรอบนี้เป็นรอบที่ 2 โดยขับมาด้วยความเร็วประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้ยินเสียงยางรถด้านหน้าระเบิดก่อนที่รถจะเสียหลักไปชนกับขอบสะพาน ด้วยความตกใจจึงหักพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับมาอีกฝั่ง ก่อนไถลไปฟาดต้นไม้จนขาด 1 ต้น และรถได้พลิกคว่ำตกร่องริมถนน โชคดีที่ขณะเกิดเหตุไม่มีรถคันอื่นวิ่งสวนมาจึงทำให้ไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
ด้าน นายประสงค์ ภู่ค่ำ อายุ 51 ปี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น เมื่อวิ่งออกไปดูก็เห็นรถเสียหลักพลิกคว่ำครูดไปกับพื้นถนน ครั้งแรกคิดว่าเป็นรถแก๊ส หรือรถน้ำมันจึงไม่กล้าเข้าไปดู แต่เมื่อเห็นว่าคนขับปลอดภัยจึงคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรง
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจงานจราจร สภ.เมืองนครปฐม ได้นำกำลังเข้าอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และได้นำกรวยมาปิดเส้นทางเพื่อให้รถที่จะเข้าเมืองนครปฐมวิ่งย้อนศร พร้อมประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม และรถยกเข้าเคลียร์พื้นที่ และสามารถเปิดการจราจรได้ในเวลา 18.00 น.ที่ผ่านมา