ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - นศ.มหาวิทยาลัยชื่อดังเชียงใหม่ พร้อมพวกผู้เสียหายรวมตัวขึ้นโรงพักแจ้งความดำเนินคดีทอมแสบชาวนครสวรรค์ หลอกโอนเงินซื้อไอโฟน 7 ราคาถูกกว่าท้องตลาด อ้างเพื่อนเป็นแอร์โฮสเตสหิ้วมาให้จากต่างประเทศ หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อสั่งซื้อหลายสิบเครื่อง แต่ผ่านไปหลายเดือนยังไม่ได้รับของ สูญเงินรวมกันกว่าล้านบาท
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้โอนเงินรวมกันกว่า 1 ล้านบาทเพื่อซื้อโทรศัพท์ไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส จำนวนกว่า 40 เครื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ นำโดยนางสาววราภรณ์ ปัญพรหม อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ชาวอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ และนางสาวณัฏฐ์ฌาย์ บรรเริงเสนาะ อายุ 26 ปี ชาวอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ นำหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อนางสาวภคภัทร บุลสถาพร อายุ 36 ปี ชาวจังหวัดนครสวรรค์ ที่หลอกให้กลุ่มผู้เสียหายโอนเงินให้เพื่อซื้อโทรศัพท์ดังกล่าวตั้งแต่เดือน ม.ค. 60 แต่จนถึงปัจจุบันกลับยังไม่ได้รับโทรศัพท์ โดยเมื่อติดตามทวงถามก็บ่ายเบี่ยงและไม่สามารถติดต่อได้ในที่สุด จนต้องเข้าแจ้งความในครั้งนี้
นางสาววราภรณ์เปิดเผยว่า รู้จักกับนางสาวภคภัทรมาตั้งแต่เรียนชั้น ม.5 อยู่ที่อำเภอไชยปราการ โดยรู้จักกันระหว่างปฏิบัติธรรมที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งที่อำเภอไชยปราการ กระทั่งเมื่อประมาณเดือน ม.ค. 60 นางสาวภคภัทรได้มาบอกให้ช่วยขายโทรศัพท์ไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส ในราคาเครื่องละ 20,000 บาท และ 22,000 บาท ตามลำดับ ซึ่งถูกกว่าท้องตลาดในประเทศไทย และหากจ่ายเงินล่วงหน้าเต็มจำนวนยังจะได้รับของแถมเป็นไอแพดอีกด้วย โดยอ้างว่ามีเพื่อนเป็นแอร์โฮสเตสหรือพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสามารถนำเข้ามาจากต่างประเทศได้
ซึ่งตนได้ช่วยบอกต่อให้เพื่อนฝูงและคนรู้จักทราบ ซึ่งมีเพื่อนและคนรู้จักที่สนใจและฝากตัวเองซื้อ โดยนำเงินมาให้ตนเป็นคนกลางโอนเงินให้กับนางสาวภคภัทร จำนวน 25 เครื่อง เป็นเงินรวมกว่า 600,000 บาท และมีส่วนที่นางสาวณัฏฐ์ฌาย์ รวบรวมมาอีก 16 เครื่อง เป็นเงินกว่า 300,000 บาท
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาเคยได้รับโทรศัพท์ที่สั่งซื้อจากนางสาวภคภัทรเพียงครั้งเดียว จำนวน 2 เครื่อง ขณะที่ในส่วนที่เหลือที่ผ่านมาหลายเดือนแล้วจนถึงทุกวันนี้ยังไม่ได้รับอีกเลย แม้จะมีการติดตามทวงถามไปอยู่เสมอว่าเมื่อใดจะได้รับโทรศัพท์หรือขอรับเงินคืน แต่ถูกบ่ายเบี่ยงและมีข้อแก้ตัวต่างๆ ตลอดเวลา จนกระทั่งในที่สุดไม่สามารถติดต่อนางสาวภคภัทรได้อีก
นอกจากนี้ เมื่อพูดคุยกับคนรู้จักที่อำเภอไชยปราการ ทำให้ทราบด้วยว่านอกจากในส่วนของตัวเองและกลุ่มเพื่อนที่ถูกนางสาวภคภัทรกระทำในลักษณะรูปแบบเดียวกันนี้แล้ว ยังมีผู้เสียหายที่อำเภอไชยปราการอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งคาดว่ามูลค่าความเสียหายรวมกับของกลุ่มตัวเองแล้วเชื่อว่าน่าจะเกินกว่า 1 ล้านบาท
ขณะที่นางสาวณัฏฐ์ฌาย์เปิดเผยว่า เวลานี้ตัวเองเดือดร้อนอย่างมากเพราะต้องรับผิดชอบในการหาเงินกว่า 300,000 บาท นำไปคืนให้เพื่อนฝูงและคนรู้จักที่สั่งซื้อโทรศัพท์ดังกล่าวแต่ไม่ได้รับของ ซึ่งก่อนหน้านี้ในกรณีของตัวเองได้เคยไปแจ้งความดำเนินคดีต่อนางสาวภคภัทร ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ มาแล้ว และได้มีการออกหมายจับนางสาวภคภัทรแล้วด้วย
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ กระทั่งวันนี้ได้ร่วมกับผู้เสียหายรายอื่นๆ เข้าแจ้งความอีกครั้ง โดยหวังว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถติดตามจับกุมตัวนางสาวภคภัทรได้ในเร็ววันและผู้เสียหายได้รับเงินคืน