ลำปาง - หมอนวดสาวไทย 10 ชีวิตถูกนายจ้างลอยแพกลางเมืองเทียนจิน สป.จีน ไลน์แจ้งหลานชายที่ลำปางขอเจ้าหน้าที่ประสานช่วยเหลือด่วน หลังจ่ายค่านายหน้าไทย-จีน รวมทั้งค่าประกันสัญญาแล้วรวม 6 หมื่นต่อหัว ทำงานได้ 10 เดือนเถ้าแก่เซ้งกิจการ-ไม่ต่อวีซ่าให้ แจ้งกงสุลฯ กลับบอกไปแจ้งตำรวจจีนเอง
วันนี้ (12 มิ.ย.) นายอนุพงษ์ หรือดิว หลานชายของนางแสงจันทร์ แก้วบุญเรือง อายุ 43 ปี ชาวบ้านเอื้อม อ.เมืองลำปาง ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนเพื่อกระจายข่าวช่วยเหลือญาติที่ถูกหลอกไปทำงานที่ สป.จีน แล้วถูกเอเยนต์ยึดพาสปอร์ต ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้
นายดิวบอกว่า นางแสงจันทร์ได้แอบส่งไลน์ขอความช่วยเหลือมายังตนเพื่อขอให้หาทางแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือด่วน เนื่องจากนางแสงจันทร์ กับเพื่อนรวม 10 คน ซึ่งเดินทางไปทำงานนวดแผนโบราณที่ประเทศจีน ถูกเอเยนต์ลอยแพอยู่ที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน ซึ่งทุกคนกำลังหวาดกลัวและต้องการกลับประเทศไทย แต่ไม่สามารถออกจากร้านนวดดังกล่าวได้ เนื่องจากพาสปอร์ตหมดอายุ ไม่รู้เส้นทาง และเคยแอบติดต่อเจ้าหน้าที่กงสุลไทยในจีนแล้ว แต่กลับให้หาทางไปแจ้งตำรวจเอง
นายอนุพงษ์บอกว่า หลังเรียนจบการอบรมการนวดแผนไทยจากศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานภาค 10 ลำปางแล้ว ป้าตนกับเพื่อนรวม 10 คน เป็นชาวลำปาง 2 คน เชียงใหม่ 2 คน พะเยา 1 คน มหาสารคาม 1 คน นครสวรรค์ 1 คน ชัยภูมิ 1 คน และ กทม.อีก 1 คน ได้รับการชักชวนจากนางสาวเรวดี ตั้งกิจสมบัติ ชาวจังหวัดลำปาง ให้ไปทำงานร้านสปานวดแผนไทยที่เมืองเทียนจินเมื่อเดือนกันยายน 59 ที่ผ่านมา
นางเรวดีได้บอกว่า เมื่อไปถึงประเทศจีนแล้วทางเจ้าของร้านนวดจะดำเนินการด้านเอกสาร และสัญญาจ้างให้ถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้ทุกคนสบายใจได้ ป้าตน กับคนอื่นๆ จึงตัดสินใจเดินทางไปโดยเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางก่อนไป 15,000 บาท เมื่อเดินทางไปถึงประเทศจีน จ่ายให้กับเอเยนต์ที่จีนอีกคนละ 15,000 บาท และทางร้านสปานวดแผนไทยให้จ่ายเงินประกันสัญญา ซึ่งเป็นการตกลงด้วยวาจาก่อนเป็นเวลา 1 ปี 30,000 บาท เมื่อครบสัญญาก็จะจ่ายคืนให้ โดยทุกคนที่ไปจะทำงานเป็นกะ ได้รับเงินเดือนเดือนละ 6,000 หยวน หรือ 30,000 บาท มีบ้านให้อยู่และอาหาร
เมื่อทั้งหมดไปถึงตั้งแต่วันแรก ทางนายจ้างคือเจ้าของร้านสปานวดแผนไทย ซึ่งเป็นชาวจีน และมีล่ามคนไทย 1 คน ก็ได้เก็บพาสปอร์ตของป้า เพื่อนรวม 10 คนไว้ทั้งหมด โดยบอกว่าจะนำไปทำสัญญา และต่อวีซ่าให้เมื่อครบกำหนด ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้เอะใจ
แต่หลังจากเริ่มทำงานจนถึงปัจจุบันกว่า 10 เดือนทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนนอกจากอยู่ทำงานในร้านเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานายจ้างได้นำพาสปอร์ตมาคืน และบอกว่าต่อสัญญาไม่ได้ ทั้งยังพบว่านายจ้างไม่ได้ต่อวีซ่าให้
เป็นผลทำให้ทุกคนกลายเป็นคนหลบหนีเข้าเมือง ทำงาน-พำนักโดยผิดกฎหมายทุกคน รวมถึงเงินเดือนเดือนล่าสุดก็ยังไม่ได้รับอีกด้วย และได้ทราบอีกว่าร้านดังกล่าวจะมีการเซ้งต่อให้คนอื่นในสัปดาห์นี้ โดยร้านจะต้องหยุดกิจการชั่วคราว ทำให้ทุกคนหวาดกลัว และไม่สามารถออกไปจากบริเวณนั้นได้เนื่องจากพูดภาษาจีนไม่ได้
กระทั่งเมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ป้าและเพื่อนได้แอบติดต่อขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่กงสุลไทยใน สป.จีน แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เข้ามาช่วย ได้แต่แนะนำให้ป้าตน และเพื่อนๆ พยายามออกจากร้านนวดดังกล่าวไปแจ้งตำรวจเอง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะป้าตนกับเพื่อนไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้ภาษา สื่อสารไม่ได้
ดังนั้น ป้าตน กับเพื่อนจึงได้ติดต่อผ่านแอปฯ ไลน์มาหาตนที่ลำปางเพื่อหาทางช่วยเหลือ ประสานเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยพาตัวกลับประเทศไทย แม้ว่าจะถูกดำเนินคดีในฐานะเข้าเมือง ทำงาน หรือพำนักในประเทศโดยผิดกฎหมายก็ตาม ซึ่งตนก็ยอม แต่ขอให้ได้กลับประเทศไทยเท่านั้น
“ตอนนี้ป้ากับเพื่อนๆ ทุกคนอยู่ในภาวะหวาดกลัว ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง หลังจากได้ส่งรูปและข้อความต่างๆ มาให้เสร็จก็ต้องลบข้อความทั้งหมดทิ้ง เพราะทางนายจ้างจะมีการตรวจโทรศัพท์ และการสื่อสารทางโทรศัพท์ตลอด”
และล่าสุดวันนี้ (12 มิ.ย.) ร้านสปานวดแผนไทยได้ปิดตัวลงชั่วคราวแล้ว และนายจ้างก็ลอยแพป้าตน กับเพื่อนๆ โดยทุกคนต้องออกมาจากร้าน ทำให้ทุกคนต้องมาหาห้องเช่าซึ่งอยู่ใกล้ร้านอยู่ไปก่อนเพื่อรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่จะไปช่วย
