ราชบุรี - ผู้บังคับการกรมพัฒนาที่ 1 ร่วมบูรณาการคลองสวยน้ำใส ไร้ผักตบชวา ในคลองบ้านหนองศาลา ต.บ้านสิงห์ พร้อมให้ชาวบ้านช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลหน้าบ้านของตนเองเพื่อความเรียบร้อยของชุมชน
วันนี้ (31 พ.ค.) ที่บริเวณสะพานหมู่ที่ 10 บ้านหนองศาลา ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พ.อ.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ ผู้บังคับการกรมพัฒนาที่ 1 เป็นประธานในกิจกรรมบูรณาการ “คลองสวยน้ำใส ไร้ผักตบชวา” โดยมี นายนรเศรษฐ รุ่งจรูญ ปลัดเทศบาลตำบลบ้านสิงห์ กล่าวรายงานถึงความเป็นมาในการจัดกิจกรรม โดยมี นายนพรัตน์ รัตนพานิช นายอำเภอโพธาราม พ.ท.ศุภวัฒน์ ประเทืองทิน ผู้บังคับกองพันพัฒนาที่ 1 ค่ายศรีสุริยวงศ์ หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชาวบ้านหนองศาลาหมู่ที่ 10 ให้การต้อนรับ
สำหรับการบูรณาการคลองสวยน้ำใส ไร้ผักตบชวานั้น แต่เดิมพื้นที่บ้าหนองศาลาหมู่ที่ 10 มีสภาพพื้นที่เป็นธรรมชาติที่ดี น้ำสามารถระบายได้ดี ซึ่งตั้งแต่ ปี 2539 ได้มีนิคมอุตสาหกรรมมาก่อตั้ง และฟาร์มสุกรเกิดขึ้น ทำให้ทางน้ำที่เคยผ่านไปได้ถูกปิด และน้ำที่ดีก็กลายเป็นน้ำเสีย เทศบาลตำบลบ้านสิงห์ ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝน ทำให้ความหนาแน่นของผักตบชวาที่มีอยู่ในลำคลองเพิ่มมากขึ้น
และเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2560 ได้จัดทำโครงการคลองสวยน้ำใส ขึ้น โดยมีการปรับปรุงสภาพน้ำ และภูมิทัศน์บริเวณลำคลอง และขุดลอกวัชพื้นที่ผิวน้ำ ตลอดแนวบริเวณคลองชลประทาน ทั้งสองฝั่งความยาวรวมไม่น้อยกว่า 3,000 เมตร โดยมีการใช้พืชธรรมชาติบำบัดน้ำเสีย โดยทำคอกสำหรับกั้นผักตบชวา เพื่อช่วยกรองน้ำเสีย แล้วใช้เครื่องตีอากาศเพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจนในน้ำ จากนั้นใส่น้ำชีวภาพ (อีเอ็ม) เพื่อบำบัดน้ำเสีย สุดท้ายคือ การกำจัดผักตบชวา วัชพืช และปรับปรุงภูมิทัศน์ริมฝั่งคลอง ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง ต้องร่วมมือร่วมใจ สร้างจิตสำนึกในการดูแลรักษา เท่านี้ก็เป็นการช่วยคงสภาพธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของลำคลองให้สวยงามแก่ชุมชนเพื่อให้น่าอยู่
พ.อ.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ กล่าวว่า สำหรับในวันนี้เป็นกิจกรรมเล็กๆ ที่ทางรัฐบาล คสช.ได้ให้ทหารมีส่วนร่วมกับประชาชนในพื้นที่ เพราะทุกๆ ความเดือดร้อนของประชาชนคือปัญหาของทหาร นอกจากทหารก็มีส่วนอื่นๆ ในปัจจุบันเรื่องต่างๆ จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีถ้าได้รับความร่วมมือร่วมใจกัน เช่นเดียวกับผักตบชวา ซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่สร้างปัญหาให้มากมายซึ่งต่อให้ทุ่มงบประมาณมากเท่าไหร่ก็ไม่มีทางกำจัดไปได้หากเราไม่ร่วมมือร่วมใจกัน ทำให้เป็นการจุดประเด็นในเรื่องของการเป็นหูเป็นตา ในส่วนงบประมาณที่จะต้องมาดูแลประชาชนที่มีความเดือดร้อนด้านอื่นๆ ได้