นครปฐม - เจาะอาชีพสุดท้าทาย รับดีดพระอุโบสถ งานยากต้องอาศัยประสบการณ์ กับการทำงานมานานกว่า 20 ปี พลาดครั้งเดียวคือชีวิต และความสูญเสียสัญลักษณ์ทางศาสนา แต่ราคาค่าจ้างสุดทึ่ง เฉลี่ยวันละ 1 ล้านบาท
วันนี้ (31 พ.ค.) ที่วัดชุมนุมศรัทธา (วัดเก่า) ตั้งอยู่ในหมู่ 2 ตำบลบางไทรป่า อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม พระปฐมคณาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม (ธรรมยุต) และคณะกรรมการวัดได้จัดพิธียกดีดพระอุโบสถหลังเก่า อายุกว่า 60 ปี โดยมีพ่อค้า ประชาชน ชาวอำเภอบางเลน มาร่วมพิธีสำคัญดังกล่าวจำนวนมาก ซึ่งได้มีการนิมนต์ พระพรหมมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 14-15 (ธ) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กทม. เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ประกอบพิธีทางศาสนา
นายมารวย จำปาทอง อยู่บ้านเลขที่ 53/7 หมู่ 2 ต.บ้านงิ้ว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นผู้รับเหมาได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ในการประกอบอาชีพดังกล่าวว่า ได้ยึดอาชีพในการรับเหมาก่อสร้างมากว่า 20 ปีแล้ว แต่การรับเหมายกดีดพระอุโบสถ ทำได้ประมาณ 10 ปี และมีประสบการณ์ด้านการยกดีดพระอุโบสถตามวัดต่างๆ มาแล้วกว่า 10 วัด โดยการทำงานแต่ละครั้งต้องใช้แรงงานคนเกือบ 100 คน และใช้เครื่องแม่แรงไฮโดรลิก และแม่แรงเกลียว อย่างพระอุโบสถหลังนี้เป็นพระอุโบสถขนาดใหญ่ มีเสาเข็มมาตรฐาน จำนวน 22 ต้น
นายมารวย กล่าวต่อว่า การทำงานในการดีดพระอุโบสถต้องมีความรอบคอบเป็นอย่างมาก ทุกอย่างต้องเที่ยงตรงจะพลาดไม่ได้เลย ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการแตกร้าว และยุบตัวลงได้ทั้งหลัง ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายต่อช่างที่ทำงาน และเกิดความเสียหายสำหรับโบราณสถาน หรือโบราณวัตถุที่ทรงคุณค่าในพระพุทธศาสนา โดยใน 1 วันจะสามารถยกได้ประมาณ 1.70 เมตร สำหรับพระอุโบสถที่กำลังยกขึ้นหลังนี้กำหนดยกขึ้น 3 เมตร ระยะเวลาการทำงานยกพระอุโบสถหลังนี้ ใช้เวลาเพียง 3 วันเท่านั้น มูลค่ารับเหมาอยู่ที่ 3.5 ล้านบาท
ถือว่ารายได้ดี แต่มีความเสี่ยง ต้องมีความรับผิดชอบ และแรงกดดันสูง โดยจะต้องมีการเข้าร่วมพิธีอันเป็นมงคลทุกครั้ง เพื่อขอให้การทำงานลุล่วงไปด้วยดี เมื่อดีดพระอุโบสถเสร็จสิ้น จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของผู้รับเหมารายอื่นที่จะเข้ามาปรับสภาพโดยรอบอีกครั้ง ที่ผ่านมา ถือว่าทำงานท้าทาย และพิสูจน์ฝีมือทุกครั้ง ราคาการรับจ้างแม้จะมองว่าแพงแต่เป็นงานเฉพาะที่ต้องมีประสบการณ์จริงๆ เพราะงานไม่สามารถผิดพลาดอะไรได้เลย
พระปฐมคณาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม (ธรรมยุต) ได้กล่าวถึงการยกดีดพระอุโบสถหลังนี้ขึ้น ก็เนื่องจากพระอุโบสถอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ มีน้ำท่วมขังวัดมาโดยตลอดทุกๆ ปี เพราะวัดเป็นจุดที่ใกล้กับแม่น้ำท่าจีน การเกิดน้ำท่วมจึงเกิดขึ้นเป็นประจำ ทางวัดจะทำพิธีสังฆกรรมต่างๆ ก็ลำบาก
ต่อมา พระพรหมมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 14-15 ได้มาเยี่ยมสนามสอบ และพบเห็นสภาพจึงได้ให้การอุปถัมภ์มอบเงินบริจาคช่วยเหลือก้อนแรก จำนวน 1,000,000 บาท แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อค่ารับเหมายกดีดพระอุโบสถ ที่ทางผู้รับเหมาเรียกค่าแรง จำนวน 3.5 ล้านบาท
ดังนั้น ทางวัดจึงต้องอาศัยจากความศรัทธาเพิ่มเติมจากญาติโยมทั่วไป จึงสามารถทำพิธียกดีดพระอุโบสถหลังนี้ได้ในที่สุด แต่ยังต้องหางบเพิ่มเติมเพื่อทำการปรับปรุงโดยรอบพระอุโบสถต่ออีก ซึ่งอาจต้องใช้อีกประมาณ 3-4 ล้านบาทอย่างน้อย ซึ่งการดีดยกพระอุโบสถครั้งนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี และเชื่อว่าจะรักษาไม่ให้สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของวัดให้อยู่คงทนไปอีกนาน และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านสืบไปด้วย
