อุดรธานี - ตำรวจอุดรฯ รวบสาววัยแค่ 30 ปีตั้งตัวนายหน้าเถื่อนโพสต์เฟซบุ๊กหลอกคนหางานทำไปประเทศเกาหลีใต้ เรียกเก็บค่าดำเนินการ 3-4 แสนบาทเมื่อได้เงินแล้วปิดเฟซบุ๊กหนี มูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท ขณะที่อีกคดีจับกุมหนุ่มใหญ่ตระเวนงัดกุฏิพระ-ชี ลักพระเครื่อง-เงินสด ยึดของกลางเป็นพระเครื่อง 200 องค์
วันนี้ (26 พ.ค. 60) ที่หน้า สภ.เมืองอุดรธานี พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ช่วยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นางสาวกิตติยา มุสิกพันธ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 436 หมู่ 9 ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมของกลางหลายรายการ เช่น สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร, Passport, ตราปั๊มปลอม และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก โดยตั้งข้อหาฉ้อโกงทรัพย์
ขณะที่ผู้ต้องหาอีกรายคือ นายคำมวล สีตะบุตร อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137/3 หมู่ 3 ต.หนองบัว อ.เมืองอุดรธานี พร้อมของกลางหลายรายการ เช่น รถจักรยานยนต์, โทรศัพท์เคลื่อนที่, พระเครื่องจำนวน 200 องค์ ในข้อกล่าวหา ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการผ่าทรัพย์นั้นไปเพื่อสะดวกในการหลบหนี
พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ช่วยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า รายแรกจากการสอบสวนนางสาวกฤติกาให้การว่า ได้ประกาศจัดหางานผ่านทางสื่อโซเชียล (facebook) เพื่อหลอกลวงคนที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่จะหลอกคนที่ต้องการไปทำงานประเทศเกาหลีใต้
แต่ละครั้งหากผู้เสียหายเป็นนักศึกษาที่ต้องการไปทำงานและเรียนไปด้วยจะเรียกค่าดำเนินการคนละ 4 แสนบาท แต่ถ้าไปหางานทำจะเรียกค่าดำเนินการคนละ 3 แสนบาท
โดยจะหลอกให้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร พอผู้เสียหายถามความคืบหน้า ก็จะอ้างเหตุผลว่าทางรัฐบาลเกาหลีใต้มีการกวดขันคนไทยที่จะไปศึกษาและทำงาน และก็จะบอกให้โอนเงินค่าดำเนินการเพิ่มอีกคนละ 1 แสนบาท และแจ้งกับผู้เสียหายกลับมาอีกว่ามีปัญหาในการขอวีซ่า ต่อมาก็แจ้งกับผู้เสียหายว่าวีซ่าไม่ผ่าน และก็จะปิดสื่อโซเชียลหนีไป
หลังจากนั้นก็จะโพสต์รับเป็นนายหน้าจัดหางานผ่านทางสื่อโซเชียลขึ้นมาใหม่ โดยมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 5 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าผู้ต้องหายังมีหมายจับในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีกว่า 10 หมายอีกด้วย
คนบาปตระเวนงัดกุฏิลักทรัพย์
ขณะที่ผู้ต้องหารายที่สอง สืบเนื่องจากช่วงปี 2559 จนถึงปัจจุบันเกิดเหตุคนร้ายตระเวนลักทรัพย์ในวัดหลายๆ วัดในเขตจังหวัดอุดรธานี โดยคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ในการก่อเหตุ อาศัยช่วงที่พระออกบิณฑบาต จากนั้นก็จะเข้าไปงัดกุฏิของพระและแม่ชีค้นหาสิ่งของมีค่า โดยเลือกเฉพาะพระเครื่องและเงินสด
จากการสืบสวนตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้ ขณะที่นายคำมวลกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนดูลาดเลาที่วัดบ้านนาแอง ต.นิคมสงเคราะห์ จ.อุดรธานี
ทั้งนี้ นายคำมวลให้การรับสารภาพว่า หลังจากพ้นโทษออกมาก็ไม่มีงานทำ เคยเข้าไปขโมยของในวัดได้ทั้งของมีค่าและได้ข้าวกินด้วย โดยตนจะอาศัยช่วงเช้าๆ ที่พระออกไปบิณฑบาตเข้าไปงัดกุฏิรื้อทรัพย์สินมีค่าไปขาย