xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ควบคุม “พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์” ผู้ต้องโทษประหารเข้ากรุงเทพฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

  ตร.ควบคุม พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ผู้ต้องโทษประหาร เข้ากรุงเทพฯ
ประจวบคีรีขันธ์ - ตร.ควบคุม “พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์” ผู้ต้องโทษประหาร ฆ่าฝังคนงานชาวพม่า เมื่อปี 2547 โดยเดินทางด้วยเครื่องบินจากแม่สอด จ.ตาก มาท่าอากาศยานหัวหิน ก่อนนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี และเดินทางต่อเข้ากรุงเทพฯ

ภายหลังจากตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดเพชรบุรี ได้ติดตามสะกดรอยบุคคลใกล้ชิดของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ที่หลบหนีคำพิพากษาประหารชีวิตของศาลจังหวัดเพชรบุรี โดยชุดสืบสวนสะกดรอยคนใกล้ชิดของอดีตนายตำรวจคนดัง ไปถึง อ.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นพบว่า คนใกล้ชิดใช้ช่องทางธรรมชาติข้ามไปยังแนวชายแดนประเทศพม่า เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

หลังจากนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับรายงาน จึงประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางประเทศพม่า เพื่อให้ช่วยควบคุมตัวอดีตนายตำรวจรายนี้ และทางตำรวจพม่าสามารถควบคุมตัวได้ และดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

วันนี้ (25 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ท่าอากาศยานหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.ธรรมศักดิ์ วิชชาระยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้คุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ต้องหาคดีฆ่าฝังคนงานชาวพม่า ถูกตัดสินประหารชีวิต แล้วหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งถูกทางการพม่าจับตัวได้ในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง โดยถูกตัดสินจำคุก 2 ปี แต่ถูกปล่อยตัวก่อนกำหนด ซึ่งทางการไทยได้ติดต่อขอรับตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย และถูกส่งกลับมาแล้วนั้น

โดยได้ถูกนำตัวขึ้นเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงยังท่าอากาศยานหัวหินแล้ว โดยมี พล.ต.ท.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประเสริฐ ศิริพรรณาภิรัตน์ ผู้บังคับการ ประจำกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.สิทธัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร หัวหิน มาอำนวยความสะดวก

โดย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้อหาสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาว เดินลงมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่ พ.ต.อ.อาจิน บัวผัน ผู้กำกับสืบสวน หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) จ.เพชรบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ. ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจสถานีตำรวจภูธรชะอำ และตำรวจสถานีตำรวจภูธรท่าไม้รวก เจ้าของคดีได้คุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ขึ้นรถยนต์ทันที พร้อมมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด

จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังตำรวจภูธรเพชรบุรี เพื่อแถลงข่าวผลการจับกุมตัวต่อสื่อมวลชน หลังแถลงข่าวเสร็จได้เดินทางกลับมาขึ้นเครื่องที่สนามบินหัวหินอีกครั้ง ในเวลา 17.30 น.เพื่อเดินทางต่อไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีกำหนดการถึงในเวลา 18.30 น.วันนี้

สำหรับคดีของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ศาลจังหวัดเพชรบุรี นัดอ่านคำพิพากษาที่อัยการเป็นโจทก์ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ จำเลยที่ 1 นายอัคร เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 2 และนายเอก เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบังซ่อนเร้นศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและกระทำการใดๆ แก่ศพ ก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี

โดยคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2555 นายสว่าง นุ่มจุ้ย เจ้าของไร่สับปะรดใน จ.เพชรบุรี และ น.ส.วิมล บุตรสาวได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ว่า พบรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ สีเทา ของ นายสามารถ นุ่มจุ้ย กับ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ลูกชาย และลูกสะใภ้ที่หายไปพร้อมรถยนต์นานกว่า 3 ปี จอดอยู่ที่บ้านร้างของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ จ.นนทบุรี

ต่อมา มีการสืบสวนขยายผลตรวจค้นบ้านพักในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่บ้านท่ามะริด ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พบโครงกระดูกมนุษย์ 3 ราย ถูกฝังอยู่ โดย 1 ในนั้นมีร่องรอยกระสุนปืนที่กะโหลกศีรษะ เมื่อตรวจพิสูจน์ทางดีเอ็นเอแล้ว พบว่า เป็นโครงกระดูกของนายอีต้า แรงงานชาวพม่าที่สูญหายไป

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามตัว และจับกุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ก่อนแจ้ง ข้อกล่าวหา 3 คดี คือ ค้ามนุษย์ ลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่นโดยปิดบังอำพรางศพ โดย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ขอประกันตัวสู้คดี

โดยต่อมา วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลเพชรบุรี นัดพิจารณาคดีฆ่าผู้อื่น แต่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่ได้มาศาล ทั้งยังไม่ได้ให้ตัวแทนมาแสดงเหตุผลต่อศาลว่าผิดนัดด้วยเหตุใด ศาลจึงออกหมายจับ และให้ยึดหลักทรัพย์ประกันขอปล่อยตัวชั่วคราว จำนวน 3 ล้านบาท และอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งของโจทก์ และจำเลย รวมทั้งพยานคือ นายสรพงษ์ หรือกะลา และนายโย่ง ชาวพม่า คนงานในไร่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ให้การตรงกัน

สำหรับเหตุการณ์ฆาตกรรมนายอีต้า เกิดเมื่อประมาณเดือน ก.พ.2547 เนื่องจาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่พอใจที่นายอีต้า สนิทสนมกันนางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่ 3 ของตัวเอง จึงให้นายกะลา จับกุมนายอีต้า ไปไว้ในไร่แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงก่อนขุดหลุมฝัง โดยมีนายเอก ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ส่วนนายโย่ง หลบหนีมาได้ ทั้งนี้ ศาลพิจารณาว่าคำให้การของนายอีต้า และนายโย่ง สอดคล้องกัน

นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์ พบว่า กะโหลกที่ขุดพบในจุดที่ นายกะลา ชี้ว่าฝังศพ นายอีต้า มีรอยกระสุนปืน และพบเศษชิ้นส่วนกระสุนปืน เมื่อนำกะโหลกไปตรวจสอบดีเอ็นเอเทียบกับบิดา และลูกชายนายอีต้า พบว่าตรงกัน จึงยืนยันว่าเป็นกะโหลกของนายอีต้า ที่ถูกฆาตกรรมโดยการยิงที่ศีรษะตรงกับคำให้การนายกะลา

โดยเรื่องนี้ศาลจึงพิพากษาให้ประหารชีวิต พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ และนายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชายข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานชาวพม่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบัง ซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและการกระทำใดๆ แก่ศพก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี

ส่วน นายอัคร เลาหะวัฒนะ บุตรชายอีกคนที่ร่วมก่อคดี ซึ่งขณะเกิดเหตุนั้น อายุเพียง 19 ปีเศษ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง พิพากษาลงโทษจำคุก 25 ปี 3 เดือน
เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอย่างเข้มงวด
นำตัวขึ้นรถตู้ไปขึ้นเครื่องบิน เข้า กทม.
กำลังโหลดความคิดเห็น