กาญจนบุรี - ก.เกษตรฯ สั่งคัดเลือกเกษตรกร และเร่งพัฒนาที่ดินทั้ง 3 แปลง ที่เมืองกาญจน์ ที่ยึดคืนตาม ม.44 ให้เสร็จราวเดือน ก.ค.นี้ เพื่อให้นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่มอบที่ให้เกษตรกรแห่งแรกของไทย
วันนี้ (25 พ.ค.) นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) กาญจนบุรี นายธเนตร พารา ผู้อำนวยการกลุ่มกฎหมาย นายอนุรักษ์ เด่นดวง นายช่างสำรวจชำนาญงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน(ส.ป.ก.) กาญจนบุรี เดินทางไปที่วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือวัดเสือ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 323 กาญจนบุรี-ไทรโยค หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าในการเจาะบ่อน้ำบาดาลซึ่งขณะนี้เพิ่งดำเนินการเจาะบ่อบาดาลได้ประมาณ 6 เมตร
นายวัชรินทร์ เปิดเผยว่า สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้ดำเนินการตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะ คสช.ที่ 36/2559 ลงวันที่ 5 ก.ค.2559 เรื่องมาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมโดยมิชอบตามกฎหมาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557
โดยบังคับใช้ในที่ดินใน 3 กรณี คือ 1.ที่ดินที่ยังไม่เข้าสู่กระบานการปฏิรูปที่ดิน ที่มีเนื้อที่ตั้งแต่ 500 ไร่ขึ้นไป 2.ที่ดินที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดมีมติให้เกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินสิ้นสิทธิเข้าทำประโยชน์แล้วและครอบครองโดยบุคคลที่ไม่ใช่รับการจัดที่ดิน มีเนื้อที่ตั้งแต่ 100 ไร่ขึ้นไป และ 3.ที่ดินที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ส่งมอบแก่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแล้วและมีเนื้อที่ตั้งแต่ 500 ไร่ขึ้นไป
สำหรับการดำเนินการตามคำสั่งที่ 36/2559 ลงวันที่ 5 ก.ค.2559 นั้น ส.ป.ก.สามารถดำเนินการตามกรณี คือ 1.ที่ดินที่ยังไม่เข้าสู่กระบานการปฏิรูปที่ดิน ที่มีเนื้อที่ตั้งแต่ 500 ไร่ขึ้นไป จำนวน 16 แปลง รวมเนื้อที่ 17,560.01 ไร่ โดยได้ดำเนินการติดประกาศเป้าหมายแรกตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.59 เป็นต้นมา และยึดคืนแปลงเป้าหมายเพื่อนำมาจัดสรรให้เกษตรกรในรูปแบบจัดรูปที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกินในรูปแบบสหกรณ์ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของหัวหน้าคณะ คสช.
ขณะนี้สามารถยึดได้แล้ว จำนวน 3 แปลง คือ 1.แปลงที่ดินเลขที่ AL8 แปลงวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือวัดเสือ จำนวนเนื้อที่ประมาณ 946-3-60 ไร่ 2.แปลงที่ดินเลขที่ No 14 ของนางเพียงใจ หาญพาณิชย์ เนื้อที่ประมาณ 1,223-0-65 ไร่ และ 3.แปลงที่ดินเลขที่ No 15 เนื้อที่ประมาณ 808-1-36 ไร่
โดยสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) มีแผนการดำเนินการพัฒนาในที่ดินที่ยึดคืนมาได้ทั้ง 3 แปลง เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงที่ดินให้มีความพร้อมเพื่อส่งมอบให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นำไปจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน หรือกลุ่มบุคคล หรือสถาบันเกษตรกรในรูปแบบของการใช้ประโยชน์ร่วมกัน
นายวัชรินทร์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับงบประมาณในการดำเนินพัฒนาที่ดินทั้ง 3 แปลงนั้น ทาง ส.ป.ก.ได้โอนเงินให้แก่สำนักทรัพยากรน้ำบาดาลฯ ไปแล้วจำนวน 3,100,000 บาท เพื่อใช้ในการเจาะบาดาล จำนวน 3 บ่อ ซึ่งขณะกำลังดำเนินการเป็นบ่อแรก และนอกจากนี้ ส.ป.ก.ได้โอนเงินให้แก่เจ้าหน้าที่ทหารช่างไปแล้วเป็นเงินจำนวนอีกประมาณเกือบ 7,000,000 บาท เพื่อนำไปพัฒนาพื้นที่ขั้นพื้นฐาน เช่น การปรับถนนในพื้นที่ทั้ง 3 แปลง
ส่วนสำนักงานกรมชลประทาน ได้ตั้งงบประมาณเอาไว้ จำนวน 58,000,000 ล้านบาท เพื่อสร้างฝายขึ้นในพื้นที่ จำนวน 2 ฝาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ สำหรับขั้นตอนการคัดเลือกเกษตรกรนั้นจะคัดเลือกเกษตรกรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลสิงห์ อ.ไทรโยค เป็นอันดับแรกให้ได้จำนวน 389 ราย โดยเกษตรกรที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องลงทะเบียนเป็นเกษตรกรในรูปแบบสหกรณ์มีอาชีพเลี้ยงแพะ โดยกรมปศุสัตว์ จะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบซึ่งจะหางบประมาณมาสร้างโรงเรือนแพะ และจะมอบแพะให้แก่เกษตรกรรายละ 30 ตัว
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้เกษตรกรเลี้ยงสัตว์ปีก และทั้งพืชเกษตรผสมผสาน นอกจากนี้ ทาง ส.ป.ก.ได้ประสานไปยังสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.)เพื่อนำงบประมาณมาสร้างบ้านพักให้เกษตรกรผู้ยากจนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้ ส.ป.ก.กาญจนบุรี เร่งดำเนินการคัดเลือกเกษตรกรให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนการพัฒนาพื้นที่จะต้องให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม จากนั้น จังหวัดกาญจนบุรี จะดำเนินการทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะคสช.เพื่อมาเป็นประธานในการมอบที่ดินให้แก่เกษตรกรเป็นครั้งแรกของประเทศไทย