ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ชี้ระดับฮอร์โมนยืนยันแม่หมีแพนด้า “หลินฮุ่ย” ตั้งท้องแน่นอน แต่ยังฟันธงไม่ได้ว่าการตั้งท้องจะสิ้นสุดลงด้วยการออกลูกหรือไม่ และเมื่อใด เบื้องต้นทำได้เพียงการติดตามระดับฮอร์โมนและเฝ้าจับตาใกล้ชิดตลอด 24 ชม. ส่วนการอัลตราซาวด์รอสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญปรึกษาวางแผน เนื่องจากล่าสุด “หลินฮุ่ย” ยังไม่ยอมร่วมมือ
นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามการตั้งท้องของแม่หมีแพนด้า “หลินฮุ่ย” ว่า วานนี้ (24 พ.ค. 60) ซึ่งเป็นวันที่ 109 หลังจากได้รับการผสมเทียม สุขภาพโดยรวมของหลินฮุ่ยแข็งแรงสมบูรณ์ดี ใช้ชีวิตอยู่ในส่วนจัดแสดงเป็นหลักตลอดทั้งวันและไม่ยอมกลับเข้าคอกกัก นอนนานวันละเกือบ 20 ชั่วโมง จากปกติวันละประมาณ 12-13 ชั่วโมง และกินอาหารน้อยเพียงวันละ 3-5 กิโลกรัม จากปกติ 10-12 กิโลกรัม รวมทั้งยังมีการแสดงพฤติกรรมทำรังให้เห็นด้วย โดยการหักกิ่งไผ่ไปวางกอง
ขณะที่ผลการตรวจวัดระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งควบคุมการตั้งท้องนั้น ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 500 กว่านาโนกรัมต่อมิลลิกรัมครีเอตินีน ลดลงจากเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 60 ที่วัดได้สูงถึง 939.08 นาโนกรัมต่อมิลลิกรัมครีเอตินีน ซึ่งจากระดับฮอร์โมนดังกล่าวเป็นสิ่งบ่งบอกว่าการตั้งท้องยังคงดำเนินอยู่ และจะสิ้นสุดลงเมื่อระดับฮอร์โมนลดลงไปจนถึง 0
ส่วนการตั้งท้องจะสิ้นสุดลงด้วยการที่หลินฮุ่ยให้กำเนิดลูกหมีแพนด้าตัวใหม่หรือไม่นั้น เบื้องต้นไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ เพราะหมีแพนด้าเป็นสัตว์ที่มีความพิเศษและแตกต่างจากสัตว์อื่นๆ ตรงที่การตั้งท้องอาจจะไม่สิ้นสุดลงด้วยการออกลูกเสมอไป และไม่สามารถบอกได้ล่วงหน้าด้วยว่าถ้าออกลูกจะออกเมื่อใด ซึ่งสิ่งที่ทำในเวลานี้ก็คือเฝ้าติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมพร้อมแผนปฏิบัติงานและอุปกรณ์ทุกอย่างในการอนุบาลลูกหมีแพนด้า สามารถปฏิบัติงานได้ทุกเวลา ทั้งกรณีออกลูกในคอกกักหรือในส่วนจัดแสดง
สำหรับแผนการอัลตราซาวด์เพื่อตรวจความเปลี่ยนแปลงในมดลูกของหลินฮุ่ยว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือมีพัฒนาการอย่างไรหรือไม่นั้น ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่บอกว่า ทางทีมงานสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทยจะมีการปรึกษาวางแผนดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป โดยยึดหลักการว่าจะต้องไม่เป็นการฝืนใจและไม่เป็นการรบกวนหลินฮุ่ย โดยช่วงนี้ยังพบว่าหลินฮุ่ยมีพฤติกรรมดื้อรั้นและไม่ยอมให้ความร่วมมือ ซึ่งคงจะต้องติดตามกันต่อไป