บุรีรัมย์ - เกษตรกรชาวสวนยางบุรีรัมย์เร่งใส่ปุ๋ยบำรุงต้นยางให้สมบูรณ์แข็งแรงเตรียมเปิดกรีด หลังราคายางพุ่งเพียงต้นฤดูยางแผ่นดิบสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 70 บาท ยางก้อนถ้วย กก.ละ 28 บาท คาดขยับขึ้นต่อเนื่อง ขณะนายกสมาคมฯ แนะเกษตรกรอย่าเร่งบังคับกรีดยางต้นที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ เพราะจะทำให้ต้นเสื่อมสภาพอายุการกรีดสั้นลง
วันนี้ (25 พ.ค.) เกษตรกรชาวสวนยางหลายอำเภอที่จังหวัดบุรีรัมย์เร่งใส่ปุ๋ยบำรุงต้นยางให้สมบูรณ์แข็งแรงเพื่อเตรียมเปิดกรีดน้ำยางขายหลังจากราคายางพาราพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงนี้เพียงต้นฤดูเปิดกรีดยางแผ่นดิบมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 70 บาท ยางก้อนถ้วยอยู่ที่กิโลกรัมละ 27-28 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงและเกษตรกรพอใจ และคาดว่าแนวโน้มราคาจะขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากที่ก่อนหน้านี้ราคายางตกต่ำ โดยยางแผ่นดิบเหลือเพียงกิโลกรัมละกว่า 30 บาท ทำให้เกษตรกรในหลายพื้นที่ต้องชะลอการกรีดเพราะไม่คุ้มทุน แต่พอช่วงนี้ราคายางเริ่มขยับขึ้นประกอบกับเป็นช่วงเปิดหน้ายาง เกษตรกรหลายพื้นที่จึงเร่งใส่ปุ๋ยบำรุงต้นยางเพื่อเตรียมเปิดกรีด
ขณะที่ทางสมาคมชาวสวนยางได้แนะให้เกษตรกรอย่าบังคับกรีดยางเพื่อเร่งขายจนเกินไป ควรจะให้ต้นยางเติบโตเต็มที่มีอายุครบกำหนดไม่น้อยกว่า 6-7 ปี หรือเส้นรอบวงลำต้นไม่ต่ำกว่า 50 เซนติเมตร เพราะหากเร่งกรีดมากจนเกินไปจะทำให้หน้ายางตาย ต้นเสื่อมสภาพ และจะส่งผลกระทบต่ออายุการกรีดยางลดลงด้วย แต่เกษตรกรควรจะหันมาดูแลบำรุงรักษาต้นยางให้สมบูรณ์แข็งแรงเพื่อให้ได้น้ำยางที่มีคุณภาพมากกว่า
จากข้อมูลพบว่าจังหวัดบุรีรัมย์มีพื้นที่ปลูกยางพารากว่า 276,000 ไร่ เกษตรกรกว่า 17,000 คน เปิดกรีดแล้วประมาณ 210,000 ไร่ ผลผลิตน้ำยางกว่า 60,000 ตัน คาดว่าจะสามารถนำรายได้เข้าจังหวัดกว่า 3,000 ล้านบาท
นายวิชิต ลี้ประเสริฐ นายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่า แม้ช่วงนี้ราคายางพาราจะขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ส่งผลดีต่อชาวสวนยางมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่อยากฝากให้เกษตรกรอย่าเร่งบังคับกรีดยางมากจนเกินไป เพราะจะส่งผลกระทบต่อต้นยางในระยะยาวทำให้หน้ายางตายต้นยางเสื่อมสภาพ ทั้งนี้ อยากฝากถึงรัฐบาลให้พยุงราคายางไม่ให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 70 บาท และให้หาตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นเพื่อให้ยางพารามีราคาสูง