เชียงราย - เจ้าหน้าที่แบงก์กสิกรไทยพบพิรุธ แจ้งตำรวจรวบ 2 หนุ่มชาวจีนแก๊งสกิมเมอร์ พกบัตรเครดิตปลอมรูดปรื๊ดๆ-กดเงินสดทั่วเมืองเชียงราย อ้างมาเที่ยวไทยเงินหมด เพื่อนให้ยืมบัตรใช้ก่อน
วันนี้ (23 พ.ค.) พ.ต.อ.ภูมิปัญญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจับกุมตัวชาวจีน 2 ราย คือ นาย ZHENG SHI อายุ 39 ปี และนาย HUANG LUOYANG อายุ 29 ปี ที่ถือหนังสือเดินทางระหว่างประเทศจีนทั้งคู่
พร้อมด้วยของกลางเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง, เครื่องคัดลอกข้อมูลบัตรเครดิตหรือสกิมเมอร์ 1 เครื่อง, เครื่องรูดบัตรเครดิต 1 เครื่อง, บัตรเครดิตเปล่าจำนวน 4 ใบ และกระดาษจดรหัสบัตรเครดิตจำนวนหนึ่ง
ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากทางธนาคารกสิกรไทยว่า พบผู้นำบัตรเครดิตของธนาคารต่างประเทศใช้ชำระเงินเพื่อซื้อสินค้า และกดเงินสดในพื้นที่ จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และพบว่าชายชาวจีนทั้งคู่มีพฤติการณ์ค่อนข้างเป็นพิรุธ พกบัตรเครดิตหลายใบ และเข้าพักที่ห้องพักรายวันแห่งหนึ่ง ย่านถนนสถานพยาบาล ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย ใกล้กับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
ต่อมาเจ้าหน้าที่สะกดรอยตามจนพบว่าทั้งคู่ได้เข้าไปซื้อสินค้าภายในร้านโอมช็อป เขต อ.เมืองเชียงราย แต่ช่วงที่รูดบัตรอยู่นั้น ปรากฏว่าเครื่องรูดบัตรของร้านดังกล่าวเสีย จึงไม่สามารถชำระเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าไปตรวจสอบพบบัตรของกลางอยู่ในกระเป๋าของทั้งคู่ดังกล่าว
เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า บัตรเครดิตจำนวนมากไม่ใช่บัตรของนาย ZHENG SHI และนาย HUANG LUOYANG ด้วย จึงได้จับกุมตัวทั้งคู่เอาไว้ และเมื่อนำตัวไปตรวจค้นที่ห้องพักก็พบของกลางเพิ่มเติมทั้งหมด
จากการสอบปากคำเบื้องต้นทั้งคู่ให้การปฏิเสธว่าไม่ใช่แก๊งสกิมเมอร์ ส่วนบัตรเครดิต และของกลางทั้งหมดเป็นของเพื่อนชาวจีนคนอื่น พวกเขาเพิ่งเข้ามาประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยวได้เพียง 15 วันจนเงินหมด จึงได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนให้ยืมบัตรเครดิตมาใช้ ซึ่งไม่ทราบว่าผิดกฎหมาย ส่วนที่จดบันทึกการใช้บัตรใส่กระดาษของกลางเพื่อป้องกันการลืม
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคำให้การมีข้อสงสัย และเมื่อทางธนาคารกสิกรไทยเข้าร่วมตรวจสอบก็พบว่าบัตรเครดิตทั้งหมดเป็นของปลอม มีการนำข้อมูลของบุคคลอื่นใส่ในบัตรเครดิตที่ทำขึ้นเอง เมื่อใช้จะปรากฏชื่อของบุคคลผู้ถือบัตรด้วย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวชาวจีนทั้ง 2 คนพร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป