ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านบ่อวิน หวั่นโรงงานแบตเตอรี่ของบริษัท ไทยหัวเวย แบตเตอรี่ จำกัด ขยายกำลังการผลิตจากการหลอมตะกั่ว 3.5 ตัน/วัน เป็น 40.0 ตัน/วัน เพิ่มกว่า 10 เท่าตัว จะส่งผลกระทบต่อประชาชนใกล้โรงงาน หลังเคยเข้าไปดูภายในโรงงานแล้วการจัดเก็บสารเคมีอันตรายยังไม่ดีเท่าที่ควร
วันนี้ (23 พ.ค.) นายสุพงษ์ พันธ์เฉลิมชัย รองนายกเทศมนตรีนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ เป็นประธานเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โครงการโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ของบริษัท ไทยหัวเวย แบตเตอรี่ จำกัด ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ณ ห้องประชุมเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ โดยมีตัวแทนจากบริษัท ไทยหัวเวย แบตเตอรี่ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม และชาวบ้านในพื้นที่เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ องค์การบริหารส่วนตำบลบ่อวิน และองค์การบริหารส่วนตำบลเขาคันทรง เข้าร่วมรับฟัง และแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้กว่า 400 คน
นายจรูญ จารุรัชตานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทไทยหัวเวย แบตเตอรี่ จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทวางแผนขยายกำลังการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์ และเพิ่มผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า คือ แบตเตอรี่สำหรับเครื่องสำรองไฟ โดยการติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มภายในอาคารโรงงาน พร้อมจำหน่ายทั้งภายใน และนอกประเทศ โดยได้ก่อสร้างโรงงาน และเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมา
สำหรับบริษัทไทยหัวเวย แบตเตอรี่ จำกัด ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ในเนื้อที่ 28 ไร่ 1 งาน 38 ตารางวา โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 200 ล้านบาท มีแรงงานต่างด้าว จำนวน 450 คน แรงงานจีน 25 คน และแรงงานไทย จำนวน 63 คน
โดยที่ผ่านมา โรงงานมีกำลังการหลอมตะกั่วของโครงการจากเดิมเพียง 3.5 ตัน/วัน เป็น 40.0 ตัน/วัน ซึ่งการดำเนินโครงการขยายกำลังการผลิตดังกล่าวเข้าข่ายอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม จึงเชิญชาวบ้านในชุมชนรัศมี 5 กิโลเมตร ในเขตเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ 13 ชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบลบ่อวิน ในหมู่ที่ 3 บ้านห้วยปราบ หมู่ที่ 4 บ้านพันเสด็จใน และหมู่ที่ 6 บ้านเขาหิน และองค์การบริหารส่วนตำบลเขาคันทรง หมู่ที่ 5 บ้านสุรศักดิ์ หมู่ที่ 9 ห้วยตาเกล้า และหมู่ที่ 10 บ้านเจ้าพระยา เข้ามารับฟัง และแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้
ด้าน นายบุญยืน สุขใหม่ ชาวบ้านหมู่ที่ 6 ต.บ่อวิน กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัท หัวไทยเวย แบตเตอรี่ จำกัด มีการใช้วัตถุดิบตะกั่ว จำนวน 3.5 ตัน/วัน และเตรียมขยายเพิ่มตะกั่วเป็น 40.0 ตันต่อวัน ซึ่งเพิ่มกว่า 10 เท่า ดังนั้น ของเสียจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น ทางบริษัทฯ จะต้องวางมาตรการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันปัญหา และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
ที่ผ่านมา เคยตนเข้าไปดูภายในโรงงานดังกล่าว พบว่า การจัดเก็บวัตถุดิบ เช่นตะกั่ว กรดซัลฟิวริก ซึ่งเป็นสารเคมีอันตรายต่อร่างกาย หากสูดดม หรือถูกร่างกาย ดังนั้น ควรจะต้องมีการจัดเก็บให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น ควรจะต้องมีการสุ่มตรวจร่างกายชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงโรงงาน หากพบก็สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที
นายบุญยืน กล่าวต่อไปว่า สำหรับระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการรองรับของเสียจากกระบวนการผลิต ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า บ่อบำบัดน้ำเสียจะรับน้ำเสียไม่ไหวแล้ว แต่หากกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 10 เท่าตัว หวั่นไม่สามารถรองรับได้เพียงพอ และไหลสู่แหล่งน้ำสาธารณะและของชาวบ้านจะสร้างความเสียหาย
“ขณะนี้ขอให้บริษัทฯ เตรียมความพร้อมในการรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอีก 10 เท่า เช่น สถานที่รองรับกากของเสีย น้ำเสีย อากาศเสีย โดยจะต้องเพิ่มการพื้นที่รองรับให้เพียงพอต่อกำลังการผลิต เพราะขณะนี้ทางบริษัทฯ ไม่ได้พูดถึงแนวทางดังกล่าวเลย” นายบุญยืน กล่าว