ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผบช.ตร.ภ. 4 สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน นายดาบสิบเวร สภ.โพนทอง ร้อยเอ็ด ไขห้องขังเปิดทาง 2 ผู้ต้องหาคดียาบ้าหลบหนี พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเอาผิดทางอาญา ส่วนกรณีอ้างว่าโดนยาสั่งนั้นฟังไม่ขึ้น เป็นความบกพร่องในหน้าที่ชัดเจน
รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีนายสุรศักดิ์ คันทมาตร์ อายุ 23 ปี และนายสุรชัย ภูมิภาค อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาคดีมียาบ้าไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย หลบหนีจากห้องขังสถานีตำรวจภูธรโพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ตอนเช้ามืดวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจาก ด.ต.ฉลาด แน่นอุดร สิบเวร ไขกุญแจห้องขังให้ น.ส.ไอรดา พลเยี่ยม และ น.ส.เสาวลักษณ์ เสมอใจ แฟนสาวของผู้ต้องหาทั้งสองเข้าไปเยี่ยมในห้องขัง
ล่าสุดวันนี้ (22 พ.ค.) พล.ต.ท.จตุพล ปานรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และ พล.ต.ต.สมชาย นุ่มโต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ดว่าได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามที่เกิดเรื่องดังกล่าวแล้ว เหตุมีความผิดชัดเจนจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ในห้องควบคุม สภ.โพนทอง ตนจึงได้สั่งการลงไปให้ ด.ต.ฉลาด ออกจากราชการไว้ก่อน ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมกับให้มี การสอบสวนหาข้อเท็จจริง ถ้าผลการสอบสวนชี้ชัดว่าเป็นความบกพร่อง หรือความผิดของใครก็ต้องดำเนินคดีทุกราย
ส่วนผู้ต้องหา 2 รายที่หลบหนีออกจากห้องควบคุมก็ต้องดำเนินการติดตามจับกุม ส่วนแฟนสาว 2 คนที่มาเยี่ยมก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นกันในฐานะผู้ช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาทั้งสองคนหลบหนี
ด้าน พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รอง ผบช.ภ.4 ระบุว่า ภาพวงจรปิดชัดเจนมาก โดยเฉพาะ ด.ต.ฉลาด แน่นอุดร สิบเวร สภ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ที่รับผิดชอบห้องควบคุมผู้ต้องหา ในวันเกิดเหตุได้เปิดประตูห้องขังและให้ผู้ต้องหาออกมาในยามวิกาล ถือเป็นเรื่องผิดวิสัยอย่างมาก ทาง ผบก.ภ.จว. ร้อยเอ็ดจึงได้ตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงถ้าพบว่าสอบสวนไปถึงใครมีความผิดชัดเจนก็ต้องดำเนินคดีอาญาทุกคน
โดยเฉพาะพฤติกรรมของ ด.ต.ฉลาดที่ได้กระทำการตามภาพในกล้องวงจรปิด และสื่อในโลกโซเชียลฯ มีความผิดชัดเจน ส่วนประเด็นที่ ด.ต.ฉลาดอ้างว่าโดนยาสั่งนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของ ด.ต.ฉลาดมากกว่า ซึ่งไม่น่าจะกระทำให้เกิดขึ้นมาเลย จึงเป็นความผิดชัดเจนมาก ผู้บังคับบัญชาโดยตรงต้องดำเนินการโดยเด็ดขาดทั้งทางวินัยและอาญา
