ศูนย์ข่าวศรีราชา - ขยะคลองนกยางยังเกลื่อน ชาวบ้านร้องขอความต่อเนื่องการจัดเก็บ และบังคับใช้กฎหมายจริงจัง หวังแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
หลังจากที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเสื่อมโทรมอย่างหนักบริเวณปากคลองนกยาง หลังชุมชนวัดช่องลม ซึ่งถือเป็นแหล่งป่าชายเลนผืนสุดท้ายของเมืองพัทยา มีสภาพทรุดโทรมจากเศษซากขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูลที่ถูกทิ้งลอยเต็มลำคลองเป็นเวลานานหลายปี ด้วยมีปัญหาการบุกรุกสร้างที่พักอาศัยของชุมชนตลอดแนวคลอง ซึ่งถือเป็นการทำลายสภาพภูมิทัศน์และแหล่งระบบนิเวศอย่างรุนแรง เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้ถือเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สำคัญของนกน้ำหายากเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเป็นแหล่งอนุบาลของสัตว์น้ำหลากหลายชนิด
กระทั่งต่อมา พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี นายกเมืองพัทยา ได้สั่งการด่วนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อทำการเก็บกวาดสิ่งปฏิกูล และขยะออกจากแนวคลอง รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่อย่างจริงจังเพื่อคงสภาพทางธรรมชาติให้กลับมาดังเดิม พร้อมประชาสัมพันธ์ขอรับความร่วมมือจากประชาชนที่มีพักอาศัยอยู่ตามแนวคลอง ให้ร่วมกันรักษาความสะอาด โดยจะมีการนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้อย่างเข้มงวดตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (22 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อสำรวจสภาพปัญหาของแนวคลองนกยางอีกครั้งเพื่อติดตามผลการปฏิบัติในช่วงที่ผ่านมา แต่พบว่าจนปัจจุบันสภาพของแหล่งน้ำบริเวณป่าโกงกาง และชายเลน ซึ่งแม้ว่าจะมีปริมาณขยะ และสิ่งปฏิกูลน้อยลง แต่โดยรวมก็ยังถือว่ามีความสกปรกรกรุงรัง เนื่องจากยังคงพบเห็นเศษขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูลลอยเกลื่อนอยู่เต็มลำคลองเช่นเดิม เพียงแต่ไม่หนาแน่นมากนัก
ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านในละแวกดังกล่าวระบุว่า หลังจากที่เกิดเป็นกระแสข่าวออกไปตามสื่อแขนงต่างๆ เมืองพัทยาก็ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาเก็บกวาด แต่ก็มาดำเนินการเพียง 1 วันในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ขณะที่ปริมาณขยะ และสิ่งปฏิกูลก็ยังมีหลงเหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ หลังจากมีพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก เมื่อกระแสน้ำพัดสิ่งปฏิกูลเหล่านี้ไหลมารวมกันเช่นเดิม
ขณะที่ประชาชนบางส่วนก็ยังคุ้นเคย และเคยชินต่อการปล่อยน้ำเสีย และทิ้งขยะลงสู่แหล่งน้ำ ซึ่งเรื่องนี้จึงอยากร้องขอให้เมืองพัทยาเข้ามาเฝ้าระวังในการเก็บกวาดอย่างสม่ำเสมอ และเอาจริงเอาจังต่อการบังคับใช้กฎหมายสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนสร้างปัญหาความสกปรกให้แก่แหล่งน้ำ ไม่ใช่มาทำเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเหมือนที่ผ่านมา เพราะหากเป็นเช่นนี้การแก้ไขปัญหาความสกปรกในคลองนกยาง คงจะไม่หมดไปอย่างแน่นอน