พิษณุโลก - เถ้าแก่ “เมาเทนพาร์ค-สวิสเซอร์แลนด์รีสอร์ต” ส่งทนายยื่นฟ้อง “นายอำเภอเขาค้อ” ฐานละเว้นผิดมาตรา 157 บอกจำเป็นต้องสู้แม้สร้างศัตรู หลังมีโรงแรมเถื่อนผุดเกลื่อนเขาค้อ จนต้องแบกรับภาระขาดทุนปีละกว่า 10 ล้านบาทต่อเนื่องมาเป็น 10 ปี
วันนี้ (22 พ.ค.) นายณรงค์ ชัยชุมพร ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจจาก นายประสม ประคุณสุขใจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เมาเทนพาร์ค-สวิสเซอร์แลนด์รีสอร์ต อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เข้ายื่นร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 จังหวัดพิษณุโลก ดำเนินคดีต่อนายฐิติศักดิ์ กันเขตต์ นายอำเภอเขาค้อ
ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยนายประสมระบุในคำร้องที่ยื่นต่อศาลว่า โรงแรมที่สร้างบนพื้นที่ราษฎรอาสา (รอส.) และเขตป่าสงวน-อุทยานแห่งชาติเขาค้อ ไม่สามารถเปิดโรงแรม และจดทะเบียนตาม พ.ร.บ.โรงแรม ปี 2547 ได้ จึงผิดกฎหมายทุกราย ซึ่งอธิบดีกรมป่าไม้ยอมรับในที่ประชุมบนศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์เมื่อ 28 เมษายน 2560 ว่ามี 697 ราย แต่นายประสมสำรวจพบว่ามีเกือบ 1,000 ราย
และนายประสมมีหนังสือถึงผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ รวมทั้งนายอำเภอเขาค้อ ให้ดำเนินการต่อโรงแรมเถื่อนเหล่านั้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หยุด-ปิดให้บริการ กระทั่ง 9 ธ.ค. 59 ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์มีหนังสือถึงนายอำเภอทุกอำเภอให้โรงแรมเถื่อนหยุดให้บริการในเดือนธันวาคม 59 และมกราคม 60 หากพบว่ามีการฝ่าฝืนให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดทันที
แต่ปรากฏว่า นายฐิติศักดิ์ กันเขตต์ นายอำเภอเขาค้อ ไม่ดำเนินการแต่อย่างใด ยังคงปล่อยให้โรงแรมเถื่อนทั้ง 900 กว่าแห่งเปิดให้บริการต่อไป โดยไม่ไยดีต่อหนังสือสั่งการของผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์
ต่อมา 24 ก.พ. 60 ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์มีหนังสือกำชับไปทุกอำเภออีกหนึ่งฉบับ ให้ทุกอำเภอบังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาดกับโรงแรมเถื่อนทันที และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
คำร้องระบุด้วยว่า แต่นายอำเภอเขาค้อก็ยังไม่สนใจดำเนินการใดๆ ตรงข้ามกลับมีความพยายามที่จะทำให้โรงแรมเถื่อนเหล่านั้นสามารถเปิดบริการได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย โดยให้ผู้ประกอบการโรงแรมเถื่อนรวมกลุ่มเป็นองค์กรสภาชุมชนขึ้น และให้เป็นผู้จัดทำแผนแม่บทในการแก้ปัญหาที่ดินบนเขาค้อ โดยเสนอให้ที่ดิน รอส.เป็นที่ราชพัสดุ ซึ่งจะสามารถจำหน่ายจ่ายโอนเปลี่ยนสัญญาสิทธิการเช่าได้ในวันเดียว จึงขัดแย้งกับความเป็นจริง
เพราะที่ดินพื้นที่อำเภอเขาค้อเป็นป่าสงวนแห่งชาติ และปัจจุบันเป็นอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 ขอใช้ประโยชน์บนที่ดินป่าสงวนแห่งชาติจากกรมป่าไม้ เพื่อจัดสรรให้เป็นที่อยู่อาศัยของราษฎรที่ยากจน ผู้ร่วมรบ ทั้งฝ่ายรัฐบาล และผู้เห็นต่าง ให้เป็นที่ดินให้ราษฎรอาสาสมัคร (รอส.) โดยมีหนังสือรับรองการเข้าอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินชั่วคราว ตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็ก จังหวัดเพชรบูรณ์
และมีเงื่อนไข 9 ข้อกำกับการถือครองที่ดิน ห้าม แบ่งแยก โอนที่ดิน เช่าช่วงหรือแบ่งเช่า หากผู้ถือหนังสือนี้ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจเพิกถอนหนังสือรับรองนี้ได้ แต่ ผวจ.เพชรบูรณ์ไม่ดำเนินการเพิกถอน รอส.รายที่ทำผิดเงื่อนไขตามข้อ 8
นายประสมระบุด้วยว่า กำลังพิจารณาจะดำเนินคดีอาญามาตรา 157 ต่อ นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ อดีต ผวจ.เพชรบูรณ์คนก่อน และนายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ เป็นรายต่อไปอีกด้วย พร้อมบอกว่าจำเป็นต้องสู้จนถึงที่สุด ทั้งที่รู้ว่าสร้างศัตรูเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าไม่ทำไม่รู้ชะตากรรมของเขาค้อ ป่าจะถูกบุกรุกมากกว่านี้จนไม่เหลือพื้นที่ป่า ฝนตกมาน้ำไหลลงเบื้องล่างสู่เมืองเพชรบูรณ์ ลงไปสมทบแม่น้ำป่าสักน่ากลัวมากเพราะป่าที่จะมาชะลอน้ำหมดไปเยอะ ถ้าหมดป่าบอกได้ว่าดูไม่จืด
“เคยมีรายได้เลี้ยงตัวได้ มีเหลือใช้พัฒนาต่อเนื่อง แต่หลังจากมีโรงแรมเถื่อนเกิดขึ้น รายได้ของผมลดลงตามจำนวนโรงแรมเถื่อนทั้งที่มีนักท่องเที่ยวมากขึ้นเป็น 100 เท่า 1,000 เท่าจากเดิม จนขาดทุนปีละกว่า 10 ล้านบาทต่อเนื่องมาเป็น 10 ปี คาดว่าจะหนักไปเรื่อย ฉะนั้นผมจึงอยู่ไม่ได้” นายประสมระบุ
เบื้องต้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 จังหวัดพิษณุโลก ได้รับคำร้องไว้เพื่อพิจารณาว่าจะรับฟ้องหรือไม่รับ โดยนัดฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 7 มิ.ย. 60 นี้