ลำปาง - ชาวบ้านทุ่งกู่ด้าย เมืองรถม้า รุมค้านบริษัทดังตั้งโรงงานผลิตพื้นสำเร็จรูปในหมู่บ้าน พร้อมวอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุมจนเกลี้ยง แต่กลับได้ยินเสียงตัวแทนเอกชนบอกสมควรไล่ผู้นำออก จนชาวบ้านไม่พอใจเถียงกันวุ่น
รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างเทศบาลเมืองเขลางค์นคร อ.เมือง จ.ลำปาง, นายประพัต มณียศ ประธานชุมชนบ้านทุ่งกู่ด้าย ต.ปงแสงทอง อ.เมืองลำปาง ได้เชิญตัวแทนสามฝ่าย ประกอบด้วย นายจุติพงศ์ ไชยเชียงของ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี ตัวแทนจากเทศบาลเมืองเขลางค์, นางชูเกลียว เอื้อชัยชีพ เจ้าของบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์การก่อสร้างชื่อดังของลำปาง และชาวบ้านกว่า 300 คน ร่วมประชุมกันเย็นวานนี้ (21 พ.ค.) ที่ห้องประชุมโสภณประชาราษฎร์สามัคคี ภายในหมู่บ้าน
เพื่อร่วมรับฟัง และลงมติว่าจะให้ทางบริษัทฯ เข้ามาตั้งโรงงานผลิตแผ่นพื้นสำเร็จรูป ในที่ดินที่กว้านซื้อจากชาวบ้านไปแล้วกว่า 10 ไร่ และกำลังดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างอาคารหรือไม่
นายประพัต มณียศ ประธานชุมชนบ้านทุ่งกู่ด้าย กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนไม่ทราบว่าบริษัทจะมาตั้งโรงงานในลักษณะดังกล่าว จนล่าสุดบริษัทเหล็กได้บรรทุกเหล็กก่อสร้างมาส่งที่บ้าน เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสถานที่ที่จะสร้างแพลนต์ปูนหรือเครื่องผสมคอนกรีต เมื่อถามว่าจะก่อสร้างที่ไหนแน่ คนส่งสินค้าได้ชี้จุดให้ดู ตนจึงทราบเรื่อง และเมื่อสอบถามไปยังเทศบาลเมืองเขลางค์ พบว่าได้ออกใบอนุญาตให้บริษัทในการก่อสร้างอาคารจริง แต่กลับไม่มีการทำประชาคมชาวบ้านในพื้นที่ก่อน
ดังนั้นจะเห็นว่า ชาวบ้านให้ความสนใจ และตื่นตัวมาร่วมประชุมกันมาก และเสียงของชาวบ้านก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าจะไม่ยินยอมให้มีการก่อสร้างโรงงานใดๆ ที่จะมีผลกระทบต่อชาวบ้าน และลูกหลานของเราในอนาคต ขอตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
ขณะที่นางชูเกลียว เอื้อชัยชีพ เจ้าของบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์การก่อสร้าง พร้อมด้วยพนักงานบริษัท กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการบอกกล่าวแล้ว แต่ไม่ได้เข้ามาทำประชาคม เนื่องจากเห็นว่าเป็นเพียงการตั้งโรงงานผสมปูนหล่อเป็นพื้นสำเร็จรูปเท่านั้น ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อชาวบ้าน รวมทั้งรับรองว่าบ่อน้ำทิ้งทั้ง 2 บ่อไม่มีน้ำซึมแน่นอน เพราะเป็นน้ำปูน เมื่อแห้งก็จะแข็งตัว และขณะนี้ทางบริษัทได้ลงทุนทั้งซื้อที่ดิน-ทำโครงสร้างไปแล้วกว่า 10 ล้านบาท จึงเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะไม่เปิดโอกาสให้ตนได้ชี้แจง
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านต่างยืนยันไม่ให้มีการก่อสร้างอย่างเด็ดขาด เพราะอยู่ติดกับบ้านเรือนของชาวบ้าน ขณะที่บ่อเก็บน้ำเสียก็อยู่ติดกับลำห้วยสาธารณะ มีโอกาสซึมลงสู่ลำห้วยได้ตลอดเวลา ไม่สามารถรับประกันได้ว่าน้ำเสีย-สารพิษจากการผลิตจะไม่ซึมลงสู่แหล่งน้ำ และต้องการให้ส่วนราชการเข้าตรวจสอบว่ามีการถมที่ปิดทับทางน้ำ หรือลำเหมืองสาธารณะหรือไม่ นอกจากนี้ชาวบ้านยังหวั่นเรื่องเสียง ฝุ่นที่จะตามด้วย
หลังจากที่มีการพูดคุยกันไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ชาวบ้านเริ่มไม่พอใจในการชี้แจง เนื่องจากบริษัทฯ ยืนยันว่าชาวบ้านรู้ก่อนหน้านี้แล้วแต่ไม่มีการคัดค้านใดๆ จนมีการลุกขึ้นพูดโต้ตอบกัน และดูเหมือนเรื่องจะเริ่มร้อนแรงขึ้น จนสุดท้ายชาวบ้านพากันเดินออกจากห้องประชุมจนหมด พร้อมระบุว่าไม่เห็นชอบให้มีการตั้งโรงงานดังกล่าว
และระหว่างตัวแทนของบริษัทฯ เดินออกจากห้อง-ลงบันได ได้พูดด้วยเสียงอันดังว่า “ผู้นำก็ทราบเรื่องตั้งแต่ต้นทำไมไม่คัดค้าน แบบนี้สมควรให้ออกจากการเป็นผู้นำชุมชน” เมื่อชาวบ้านได้ยินจึงเกิดความไม่พอใจ เดินตามไปต่อว่ากันจนเกือบจะเกิดการวางมวยกันขึ้น ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด แต่สุดท้ายก็แยกย้ายกันกลับ
สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่าได้ยื่นขอ และได้รับอนุญาตก่อสร้างเมื่อเดือนมิถุนายน 2559 เป็นอาคารโรงงาน ค.ส.ล.ขนาด 1 ชั้น 1 โรง บนพื้นที่ 792 ตรม. จากนั้นได้มีการขอเปลี่ยนการใช้อาคารอีก 2 ครั้งคือ เดือน พ.ย. 59 เพื่อใช้เป็นอาคารโรงงานแอลเอสคอนกรีตผลิตแผ่นพื้นสำเร็จรูป และล่าสุด 15 พ.ค.60 เปลี่ยนเพื่อใช้เป็นอาคารผลิตแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จ
ขณะที่ชาวบ้านนำป้ายคัดค้านการก่อสร้างมาปิดประกาศไว้ตั้งแต่ปากทางเข้า และจุดสำคัญๆ ภายในหมู่บ้านแล้ว