นครพนม - โผล่อีกเพียบลูกหนี้ “เจ๊สุ” หลังข่าวแพร่สะพัด ลูกหนี้เจ๊สุ ทั้งที่ จ.นครพนม จ.สกลนคร และ จ.สระบุรี โผล่แจ้งความร้องทุกข์แน่น สภ.นครพนม หวั่นที่ดินค้ำประกันเงินกู้สูญหาย ด้านตำรวจเร่งสอบคดีอาญา ส่วนการยึดทรัพย์ให้ ปปง.ตรวจสอบ
กรณีมีเจ้าแม่เงินกู้นอกระบบคิดดอกเบี้ยโหดกับชาวบ้านในจังหวัดนครพนม ใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อยึดที่ดิน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม น.ส.สุนภา หรือสุพิชญ์ฌา เรืองสุวรรณ หรืออภิชัจฐ์โภคิน อายุ 56 ปี เจ้าของ บจ.มิตรศิลป์มอเตอร์ไซด์ เลขที่ 924/1-4 ถ.อภิบาลบัญชา เขตเทศบาลเมืองนครพนม เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 4 คูหา ร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และที่พักอาศัยของเจ้าแม่เงินกู้รายนี้
เบื้องต้น ได้ตรวจยึดเอกสารการจดจำนองที่ดิน โฉนดที่ดิน เงินสด 420,000 บาท สมุดเงินฝากธนาคารจำนวนหนึ่ง เครื่องประดับ 11 รายการ มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท และรถจักรยานยนต์มือสองกว่า 400 คัน ในโกดังขนาดใหญ่ไว้ตรวจสอบ ภายหลัง “เจ้สุ” ได้ยื่นประกันตัวด้วยวงเงิน 300,000 บาท และเก็บตัวเงียบอยู่แต่บ้านตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (19 พ.ค.) ที่ สภ.เมืองนครพนม ตั้งแต่ช่วงเช้ามีลูกหนี้ของ “เจ๊สุ” ทยอยมาแจ้งความอย่างต่อเนื่อง เช่น นางฉลอง สอนรมย์ อายุ 65 ปี บ้านเลขที่ 48 ม.6 บ้านหนองสะโน ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เกษตรกรต้นแบบนาแปลงใหญ่ ปลูกพืชไร่นาสวนผสม เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า เมื่อปี 2555 ได้เอาโฉนดที่ดินไปขอกู้กับนายทุนรายนี้ เป็นเงิน 250,000 บาท นำไปให้หลานสาวลงทุนรับเหมาก่อสร้าง แต่ต้องทำสัญญาจดจำนองเป็นเงินถึง 600,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 บาทต่อเดือน ส่งดอกเบี้ยเดือนละ 7,500 บาทเรื่อยมา หลังทราบข่าวว่า “เจ๊สุ” เจ้าแม่เงินกู้ถูกตำรวจจับกุมจึงมาแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติม เพื่อขอจ่ายหนี้ตามที่กู้มาจริงเท่านั้น
ต่อมา มีนางไพพิรมย์ ชูศรีสม อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 158 ม.10 บ้านด่านพัฒนา ต.แร่ อ.พังโคน จ.สกลนคร มาพร้อมกับญาติ เปิดเผยว่า ปี 2553 นำโฉนดที่ดินมาขอกู้เงิน จำนวน 250,000 บาท เป็นค่านายหน้าจัดหางานให้ลูกสาวไปทำงานที่เกาหลีใต้ ต้องจดจำนองเป็นเงิน 400,000 บาท หลังจดจำนองจากสำนักงานที่ดิน อ.พังโคน จ.สกลนคร แล้ว “เจ๊สุ” จ่ายเงินให้เพียง 180,000 บาท อ้างว่าขอหักค่าบริการต่างๆ รวมเป็นเงิน 70,000 บาท ส่งดอกทุกเดือนๆละ 7,500 บาทกระทั่งครบสัญญาจำนอง
หากจะขอไถ่ถอน “เจ๊สุ” บอกนำเงิน 750,000 บาท มาไถ่ถอนเท่านั้นถึงจะคืนที่ดินให้ ส่วนสาเหตุที่รู้จัก บจ.ภูวษา ของเจ๊สุ นั้น เพราะมีนายหน้าถือนามบัตรไปแนะนำในที่ต่างๆ ที่มีผู้คนพลุกพล่าน หรือตามหน่วยงานราชการต่างๆ ใน อ.พังโคน บอกว่าใครสนใจอยากได้เงินกู้ดอกเบี้ยถูก ให้ติดต่อตามนามบัตรที่ให้ไว้ จึงรู้ว่าเป็น “เจ๊สุ” เจ้าแม่เงินกู้ดังกล่าว
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน มีนางมณี เสริมศักดิ์ศรี อายุ 72 ปี บ้านเลขที่ 145 ม.11 ต.หนองสรวง อ.วิหารแดง จ.สระบุรี เดินทามา สภ.เมืองนครพนม พร้อมกับญาติ นำเอกสารกู้ยืมจาก “เจ๊สุ” มามอบให้เจ้าหน้าที่พร้อมเปิดเผยว่า ต้นปี 2560 มีนายหน้ามาจากจังหวัดขอนแก่น แจกนามบัตรพร้อมเบอร์โทรศัพท์ของบริษัท ภูวษา ว่า ให้บริการกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยถูก จึงติดต่อขอกู้ยืมเงินไปลงทุนค้าขายเป็นเงิน 250,000 บาท แต่ต้องทำสัญญาจำนองตามสัญญากับสำนักงานที่ดินถึง 500,000 บาท
และต้องส่งเงินต้น และดอกเบี้ยโดยโอนผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารไปแล้วเกือบ 200,000 บาท แต่ได้รับใบเสร็จจาก บจ.ภูวษา ว่าเป็นค่าดอกเบี้ยไม่ใช่เงินต้น หลังเป็นข่าวครึกโครม จึงชักชวนญาติมาจาก จ.สระบุรี มาแจ้งความร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพราะเกรงจะถูก “เจ๊สุ” ยึดทรัพย์ เหมือนกับลูกหนี้รายอื่นๆ โดยบรรยากาศในห้องพนักงานสอบสวนแน่นขนัด เต็มไปด้วยลูกหนี้ของ “เจ๊สุ” จนล้นออกมานอกห้องสอบสวน
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ชัชวาลย์ แก้วจันดี รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า คดีนี้ได้แบ่งงานกับเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)แล้ว โดยตำรวจท้องที่จะรับหน้าที่สอบสวนทางคดีอาญา ส่วน ปปง.รับผิดชอบตรวจสอบทรัพย์สินทุกอย่างของ “เจ๊สุ” เบื้องต้น จะเริ่มขอข้อมูลการร้องทุกข์ของลูกหนี้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนม เพื่อนำมาประกอบสำนวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากลูกหนี้รายใดที่กู้เงินจากนายทุนเงินกู้รายนี้แล้วไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมได้
ด้าน พ.ต.อ.ปราโมทย์ อุทากิจ ผกก.สอบสว สภ.นครพนม เปิดเผยว่า ล่าสุดหลังจากมีลูกหนี้จากจังหวัดต่างๆ เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จะสอบสวนเบื้องต้นไว้แล้วเก็บรวบรวมสำนวนส่งต่อให้ท้องที่เกิดเหตุ และภาคดำเนินการต่อไป