มหาสารคาม - เทศบาลตำบลเชียงยืนโต้ถังประปายังใช้งานได้ตามปกติ อีกทั้งปฏิบัติถูกต้องตามระบบราชการ ส่วนข้อกล่าวหาว่าหอประปาเอนต้องรอวิศวกรตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ สตง.ส่วนกลางจะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง 8 มิ.ย.นี้
จากกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลในโลกโซเชียล กรณีเทศบาลตำบลเชียงยืน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ว่าใช้งบประมาณก่อสร้างถังน้ำประปากว่า 3 ล้านบาท แต่ไม่สามารถใช้งานได้ งานก่อสร้างไม่ตรงตามแบบ อยู่ในสภาพเอียง แต่มีการตรวจรับงานและจ่ายเงินให้กับผู้รับเหมาไปแล้วนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณหอประปาบ้านเชียงยืน หมู่ 19 ต.เชียงยืน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อไปถึงก็พบเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลเชียงยืน และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดมหาสารคาม ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ได้ปรากฏข้อมูลบนโลกออนไลน์
จากการสอบถามทราบว่าถังประปาได้ทำการส่งมอบงานไปเมื่อเดือนมีนาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งระบบประปาสามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่ทางเทศบาลฯ ยังไม่ได้ใช้งานจริง เนื่องจากอยู่ระหว่างการวางแผนบริหารจัดการน้ำ ทำให้มีความเข้าใจผิดว่าระบบประปาใช้งานไม่ได้
นายนพรัตน์ โสรธร รองนายกเทศมนตรีตำบลเชียงยืน อ.เชียงยืน จ.หาสารคาม เปิดเผยว่า เนื่องจากเทศบาลฯ ได้รับงบจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559 เป็นเงินอุดหนุนเฉพาะกิจจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคแก่ประชาชน จำนวน 3,428,700 บาท โดยได้ทำสัญญาจ้างกับเอกชนเป็นเงิน 3,156,789 บาท ในโครงการก่อสร้างประปาหมู่บ้านขนาดใหญ่มาก ที่หมู่ 19 ต.เชียงยืน จ.มหาสารคาม
โดยจากการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เรื่องน้ำประปา และเรื่องหลักวิศวกรรม ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นนั้นพบว่าระบบประปาสามารถใช้งานได้ เพียงแต่ขณะนี้ทางเทศบาลฯ ยังไม่ได้ปล่อยน้ำเพื่อจ่ายให้ประชาชน เนื่องจากอยู่ในช่วงวางแผนการบริหารจัดการน้ำ และขณะนี้น้ำที่ใช้ในปัจจุบันจากถังประปาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่อีกหมู่บ้านยังสามารถใช้งานและอยู่ในเกณฑ์ที่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
ส่วนอีกประเด็นคือเรื่องของการก่อสร้าง ต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเข้ามาตรวจสอบว่าหอประปาดังกล่าวเอนจริงหรือไม่ ก่อสร้างได้มาตรฐานหรือไม่ ซึ่งหากจะมองด้วยตาเปล่าก็ยากที่จะสังเกตว่าหอประปาเอียง ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าทางเทศบาลฯ จะได้มีการเบิกจ่ายเงินไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในระยะการประกันสัญญา หากมีข้อผิดพลาด ผู้รับเหมาก็ต้องมาแก้ไข
ดังนั้น จึงขอยืนยันว่าทางเทศบาลตำบลเชียงยืนได้ปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบราชการ อีกทั้งที่ผ่านมาทางผู้รับเหมามีการส่งมอบงานช้า ทำให้ถูกปรับเป็นเงินถึงกว่า 700,000 บาท ซึ่งเงินก็ตกเป็นของแผ่นดิน
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจากส่วนกลางจะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 8 มิถุนายนนี้