xs
xsm
sm
md
lg

หลานชั่ว เพิ่งออกสถานพินิจฯ แค่ 6 เดือน ลอบงัดบ้านลุงลักเงินไปกว่า 7 หมื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวขอนแก่น - โจรก็คือโจร! หลานชายเพิ่งออกจากสถานพินิจฯ แค่ 6 เดือน ลอบงัดบ้านลุงขโมยเงินไปกว่า 7 หมื่นบาท เผยเป็นเงินก้อนที่ลูกชายออมมาหลายปีเพิ่งเบิกจากแบงก์เตรียมค้ำประกันเข้าที่ทำงานใหม่ วอนตำรวจตามจับให้ได้หวั่นก่อเหตุซ้ำ

ได้รับความสนใจไม่น้อย ภายหลังผู้ใช้เฟซบุ๊กในนาม "ลูกน้ำยุงลาย" ได้โพสต์วอนให้ชาวขอนแก่นช่วยติดตามหาคนร้ายที่เข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในบ้านคุณลุงของตนเองไปคิดเป็นมูลค่าเกือบ 1 แสนบาท หลังเกิดเหตุคุณลุงได้เข้าแจ้งความไว้แล้ว แต่คดียังไม่คืบหน้า

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. วันนี้ (19 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 7/3 หมู่ 11 บ้านหนองโพธิ์ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบ นายสุรัตน์ ราชประเทียม อายุ 53 ปี เจ้าของบ้านที่ถูกคนร้ายเข้าไปขโมยทรัพย์สิน

โดยนายสุรัตน์เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 60 ที่ผ่านมา หลังจากตนและลูกชายได้กลับจากทำงานเข้ามาบ้าน พบว่าคนร้ายได้งัดเหล็กดัดตรงหน้าต่างข้างบ้านเข้ามา และเมื่อทำการตรวจสอบทรัพย์สินก็พบว่าเงินเก็บของลูกชายที่ถอนมาจากธนาคารและเก็บไว้ในกระปุกออมสิน จำนวนกว่า 71,000 บาท ถูกคนร้ายทุบกระปุกขโมยเงินไปหมดเกลี้ยง

ซึ่งจากการสอบถามเบาะแสจากเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันทราบว่า เมื่อช่วงเวลา 11.00 น.วันเดียวกันนั้น เห็นนายโต้ง อายุประมาณ 20 ปี ญาติห่างๆ ของตนได้มายืนอยู่บริเวณแถวหน้าบ้าน ท่าทีเหมือนยืนดูลาดเลา แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจ

นายสุรัตน์เล่าต่อว่า จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ตนเชื่อมั่นว่านายโต้งนั้นเป็นคนร้ายเข้าไปขโมยเงินสดภายในบ้านอย่างแน่นอน เนื่องจากก่อนหน้านี้นายโต้งเคยถูกจับกุมในคดีลักรถจักรยานยนต์ และลักทรัพย์ในบ้านของญาติและบ้านชาวบ้านในหมู่บ้านมาแล้ว และเพิ่งพ้นโทษออกมาจากสถานพินิจฯ ได้ประมาณ 6 เดือน

“นอกจากนี้ยังพบค้อน และไขควงที่ใช้งัดบ้านวางอยู่ โดยให้พ่อนายโต้งดูก็ยืนยันว่าค้อนและไขควงเป็นของพ่อนายโต้งเอง แต่พ่อนายโต้งก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกชายไปอยู่ที่ไหน เพราะหลังเกิดเหตุก็ไม่เห็นนายโต้งอีกเลย” นายสุรัตน์กล่าว

นายสุรัตน์บอกว่าอยากจะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ช่วยเร่งติดตามจับกุมตัวนายโต้งมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเงินที่นายโต้งขโมยไปเป็นเงินที่ลูกชายของตนเองทำงานเก็บสะสมมานาน 10 ปี และจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนดังกล่าวเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกับที่ทำงานแห่งใหม่ หากไม่มีเงินไปค้ำประกันก็ไม่สามารถเข้าทำงานได้

“ตอนนี้พวกเราเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ไม่รู้จะไปหาเงินที่ไหนไปค้ำประกันเพื่อเข้าทำงานให้ลูกชาย ถ้ายังจับนายโต้งมาดำเนินคดีไม่ได้ก็จะเป็นภัยของสังคมต่อไปอีก” นายสุรัตน์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น