พิจิตร - เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พร้อมทหาร ตำรวจ ป่าไม้ ทสจ.นำหมายศาลลุยตรวจ “เหมืองทองอัครา” ทั้งภาคพื้นที่-อากาศ 3 วันติด พบพิรุธปมรุกป่า-ทางสาธารณะที่กลายเป็นขุมเหมืองไปแล้ว ด้าน ผจก.บริษัทฯ ยันทุกอย่างพิสูจน์ได้
นายพิเชฏฐ์ ศรีนุ่น ผู้อำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางน้ำ ทางทะเล และชายฝั่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยความคืบหน้า หลังร่วมกับตำรวจ ทหาร มทบ.36 และกองทัพภาคที่ 3 รวมถึงเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นเผชิญสืบเหมืองทองอัครา บริษัท อัครารีซอร์สเซส จำกัด เพื่อประกอบสำนวนคดีพิเศษเลขที่ 17/2559 ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจเขตประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำจำนวน 13 แปลง ครอบคลุมพื้นที่ 4,200 ไร่ โดยการเดินสำรวจภาคพื้นดิน และใช้โดรน หรืออากาศยานไร้คนขับ ถ่ายรูปบันทึกภาพหาจุดพิกัดทำแผนที่ในเรื่องของการครอบครองหรือบุกรุกเขตป่าหรือไม่ ระหว่าง 16-18 พ.ค.แล้ว
นายพิเชฏฐ์กล่าวว่า จากการนำหมายศาลเข้าดำเนินการในเวลา 3 วัน จำนวน 11 จุด พบทั้งสิ่งที่ถูกต้อง และสิ่งที่ต้องพิสูจน์ว่ากระทำผิดหรือไม่ มีดังนี้
จุดที่ 1 DSI เข้าตรวจพิสูจน์ทราบเรื่องเส้นทางสาธารณะ พบว่ามีการทำลายปิดกั้นทำให้เสื่อมค่าเป็นระยะทางประมาณ 700 เมตร ซึ่งพบว่าเส้นทางที่พาดผ่านเป็นขุมเหมืองไปแล้ว
จุดที่ 2 DSI ตรวจสอบพบว่ามีพื้นที่การยึดถือครอง และมีการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ปรากฏว่ามีเอกสารสิทธิทับพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งเรื่องนี้เหมืองทองอัคราต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้พ้นผิด
จุดที่ 3 เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโรงงานโลหกรรมในส่วนขยาย พบข้อเท็จจริงว่ามีโรงงานโลหกรรมในส่วนขยายจริง
จุดที่ 4 DSI เข้าตรวจเรื่องการเปลี่ยนแปลงผังโครงการการทำเหมืองแร่ กรณีของบ่อกักเก็บกากแร่ พบว่าแผนผังเดิมจุดที่เข้าไปจัดหาค่าพิกัด โดยเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้แทนของบริษัทได้ยืนยันว่าเดิมอยู่ ณ จุดใด แล้วเปลี่ยนแผนผังโครงการไป ณ จุดใด ซึ่งเรื่องนี้เกิดความชัดเจนในการตรวจสอบแล้ว
จุดที่ 5 จากการเข้าตรวจสอบในกรณีของเส้นทางสาธารณะที่เป็นจุดที่ 2 ระยะทางประมาณ 800 เมตร ก็ปรากฏว่าเปลี่ยนสภาพเป็นขุมเหมืองไปแล้ว พบข้อเท็จจริงไม่ปรากฏร่องรอยทางสาธารณะ
นายพิเชฏฐ์กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้จะต้องนำข้อมูลเข้าคณะกรรมการของ DSI ที่มีอัยการ รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านร่วมกันทำงานอีกครั้ง ต้องนำข้อมูลหลักฐานมาพิจารณาว่าสิ่งใดต้องใช้หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ก็ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญมาร่วมดำเนินการ เช่น กรณีการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ, กรณีการปักหลักหมายของแผนที่ระหว่างภาคพื้นดินกับทางอากาศในการที่จะระบุตำแหน่งที่ดิน เพื่อให้เกิดความชัดเจนไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อน
ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย รวบรวมพยานหลักฐานให้มีความครบถ้วนในการทำคดี ส่วนที่ว่าจะดำเนินการได้ช้าหรือเร็วแค่ไหน ยังระบุไม่ได้ แต่จะทำให้ดีที่สุดและเร็วที่สุด เพราะต้องให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแบบตรงไปตรงมา
ด้านนายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไปด้านกิจการภายนอก บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ยังยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเสมอมา ตอนนี้ข้อมูลของทาง DSI และบริษัทฯ อาจจะมีความคลาดเคลื่อนกันอยู่พอสมควร ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องหารือกันต่อไป
โดยทางบริษัทฯ พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องตามที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เคยทำบันทึกข้อความถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรไปครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อคราว DSI ลงตรวจสอบพื้นที่ตรวจสอบครั้งแรกว่าแต่ละจุดที่ต้องสงสัยตามข้อร้องเรียนของกลุ่มผู้คัดค้านอยู่ในพื้นที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ทั้งหมด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้กลับไม่ถูกเปิดเผยหลังจากการตรวจสอบเสร็จสิ้นในครั้งนั้น
ขณะนี้บริษัทฯ จะรอการตั้งประเด็นอย่างเป็นทางการจาก DSI ที่จะแจ้งมาก่อน และไม่ได้รู้สึกกังวลต่อข้อร้องเรียนใดๆ เพราะมั่นใจว่าได้ทำทุกอย่างถูกต้อง โดยก่อนหน้านี้เราก็ได้ถูกตรวจสอบจากหลายหน่วยงานของรัฐในเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ซึ่งผลออกมาก็ไม่พบว่าเราเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องต่างๆ ตามข้อร้องเรียนแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องการขอใช้ทางสาธารณะ และการดำเนินการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ โดยส่วนตัวไม่รู้สึกหนักใจเนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมากรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เข้ามากำกับดูแลอย่างใกล้ชิด อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็มีแทบทุกหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่กลับไม่มีการเปิดเผยข้อมูล
“ขณะนี้ก็เตรียมหลักฐานพร้อมที่จะเข้าชี้แจง รวมถึงอยากเรียกร้องว่าถ้าเหมืองแร่ทองคำอัคราดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายก็ควรมีสิทธิ์ได้ดำเนินกิจการสร้างเงิน สร้างงาน จ่ายภาษีให้ประเทศต่อไป”
นายเชิดศักดิ์ยังกล่าวอีกว่า อยากให้ DSI ตรวจสอบกลุ่มผู้ประท้วงถึงแรงจูงใจ และเบื้องหลังในการอ้างข้อร้องเรียนต่างๆ ด้วย เหมือนกับที่ตรวจสอบบริษัทฯ เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เพราะในปัจจุบันบริษัทฯ ก็ไม่มีสิ่งใดปิดบัง และเปิดเผยสามารถตรวจสอบได้หมด