ระยอง – ตามรอยคราบน้ำมันกลางอ่าวไทย ชาวประมงเชื่อส่งผลกระทบรุนแรง-ยาวนาน หลังวิกฤตท่อส่ง ปตท.รั่วปี 56 จนน้ำมันทะลักลงทะเล 5 หมื่นลิตร วันนี้ไม่เพียงจับสัตว์น้ำได้น้อยลง-ต้องเสี่ยงออกเรือหากินไกลขึ้นแล้ว ยังพบปลาหน้าดินที่จับได้ 70% ป่วย-ตายปริศนา
ขณะที่เจ้าท่าภูมิภาค สาขาระยอง กำลังเร่งรวบรวมหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีกับเรือ MELODY สัญชาติ ไลบีเรีย ที่ร่วมกับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด มหาชน หรือ PTTGC (พีทีทีจีซี) และบริษัท SPRC ขนถ่ายน้ำมันดิบโดยท่อส่งขึ้นฝั่งระหว่าง 13-15 พ.ค. แล้วทำน้ำมันรั่วไหลลงทะเล
ซ้ำรอยกรณีท่อส่งน้ำมันดิบกลางทะเลขนาด 16 นิ้ว ของ PTTGC รั่ว เมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา จนทำให้น้ำมันดิบไหลทะลักออกสู่ทะเลประมาณ 50-70 ตัน ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล ตลอดจนการท่องเที่ยวมาแล้วนั้น
อย่างไรก็ตาม วันนี้(17 พ.ค.) หากนำเรือออกไปบริเวณที่มีการพบคราบน้ำมันกลางทะเลทั้ง 2 ครั้ง..ดูเหมือนว่า ไม่มีคราบน้ำมันให้เห็นทางสายตาแล้ว..แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากคราบน้ำมันดังกล่าว ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ..ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนยืนยันชัดเจน..!?
แต่มีหลักฐานเชิงประจักษ์จากชาวประมงเรือเล็กที่ยึดทะเลอ่าวไทยทำมาหากินเลี้ยงปากท้อง และครอบครัวมาทั้งชีวิตเท่านั้น..ที่ล่าสุดพบว่า นอกจากต้องพากันออกเรือหากินไกลขึ้นแล้ว ปลาที่พวกเขาจับได้จากการวางลอบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปลาหน้าดิน อย่างปลาเก๋า และผองเพื่อน เป็นปลาป่วย มีแผลพุพอง และปลาตาย โดยไม่รู้สาเหตุ
นายบำรุง ไชยสิทธิ์ อายุ 60 ปี ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็กก้นอ่าว เล่าว่า กลุ่มประมุงพื้นบ้านเรือเล็กก้นอ่าว มีจำนวนสมาชิกกว่า 20 ลำ ทั้งเรืออวนปู ตกหมึก ตกปลา และซั้ง ประสบปัญหาความเดือดร้อนสัตว์น้ำหายากแทบจับไม่ได้มานานเกือบ 2 ปีแล้ว
ชาวประมงบางกระเชอ กลุ่มประมงเรือเล็ก ตั้งแต่บ้านก้นอ่าว เรื่อยไปจนถึงปากน้ำระยอง หลายรายยืนยันว่า จากการเดิมที่เคยนำลอบไปวางห่างจากฝั่งประมาณ 3–6 ไมล์ทะเล ใกล้ปะการังเทียมที่อาศัยสัตว์น้ำ พบปลาในลอบที่วางไว้ ป่วย เป็นแผลพุพอง และตาย ประมาณ 70 % ของปลาที่อยู่ในลอบ ซึ่งเป็นปลาจำพวกหน้าดินทั้งหมด อาทิ ปลาสายบัว ปลานกเขา ปลาเก๋า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
“ปัญหาปลาป่วย ปลาตาย เริ่มพบมาตั้งแต่ปลายปี 2556 และเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปี 58 -59 และตั้งแต่ต้นปี 60 พบปลาป่วยเป็นแผลพุพอง และตายหนักมาก จนถือว่า เข้าขั้นวิกฤติ จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจพิสูจน์หาเหตุที่แท้จริง ชาวบ้านจะไม่ไดต้องจินตนาการไปต่างๆนานา”
ขณะที่นายมนู จินดานนท์ อายุ 65 ปี ประธานกลุ่มประมงเรือรบหลวงประแสร์ หมู่ 1 ต.ปากน้ำประแสร์ เล่าเสริมว่า พวกเรากลุ่มประมง ต้องเลิกอาชีพประมง เพราะประสบปัญหาจับสัตว์น้ำไม่ค่อยได้ ออกเรือไปก็ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย ทุกวันนี้ต้องประกาศขายเรือ หันมากู้เงินต่อรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง รับจ้างหากินไปวัน ๆ แล้ว
เช่นเดียวกับนายบรรเจิด ล่วงพ้น ประธานกลุ่มโบสถ์ญวน ที่กล่าวทำนองเดียวกันว่า ตอนนี้สมาชิกกลุ่มเรือลากหมึก ต้องวิ่งเรือออกไปหากินไกล 20 – 50 ไมล์ทะเล ไปถึงจันทบุรี ตราด พัทยา ชลบุรี เพราะระยะใกล้ฝั่งหากินไม่ได้แล้ว มันไม่มีสัตว์น้ำหลงเหลืออยู่ ต้องเสี่ยงชีวิตออกไปหากินในทะเลไกลๆ เมื่อเร็วๆนี้ถูกคลื่นซัดเรือจมเสียหายไป 1 ลำ
สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ชาวประมงเรือเล็ก เคยรวมตัว พร้อมทั้งทำจดหมายร้องเรียนสะท้อนถึงความเดือดร้อน ส่งผ่านนายกสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จ.ระยอง เพื่อให้ถึงมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรียกร้องให้ลงมาตรวจสอบ-แก้ไขปัญหาที่หนักหน่วงขึ้นจนถึงขั้นไม่มีอาชีพทำกินกันแล้ว
แน่นอน..ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติท้องทะเลอ่าวไทยถูกทำลาย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาความเจริญเติบโตของเมือง และการพัฒนาประเทศ..แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า เหตุน้ำมันรั่วไหลที่เกิดขึ้นซ้ำ 2 ครั้งซ้อน ก่อวิกฤตที่รุนแรงและยาวนาน