กาญจนบุรี - หน.ชุดพญาเสือ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าทั้งทางบก น้ำ และอากาศ โดยสามารถยึดแพหรูสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง มูลค่ากว่า 10 ล้าน คืนแผ่นดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (16 พ.ค.) นายยรรยง เลขาวิจิตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมด้วย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ เจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร และเจ้าหน้าที่ชุดฉลามขาว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ปทส.และตำรวจสภ.สังขละบุรี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำท้ายเขื่อนวชิราลงกรณ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาแหลม โดยแบ่งกำลังปฏิบัติงานทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ
โดย นายยรรยง เลขาวิจิตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมด้วย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ และคณะเจ้าหน้าที่ได้ใช้เรือยนต์ลาดตระเวนตรวจสอบแพเป้าหมาย รวมทั้งแพเดชธารา ซึ่งเป็นแพ 2 ชั้นสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ขนาดความยาว 16 เมตร กว้าง 8 เมตร สูง 5.50 เมตร โดยให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่กับที่ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 20 คน นอกจากนี้ ยังมีโรงเก็บเรือยนต์ จำนวน 1 หลัง และแพกรงอีก 3 แพ ประเมินราคาค่าก่อสร้างแพไม่ต่ำกว่า10 ล้านบาท โดยมี นายณรงค์เวชย์ เชาว์สิทธิเดช ชาวกรุงเทพฯ เป็นเจ้าของ และผู้ดูแลแพหลังดังกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึด และแจ้งความดำเนินคดีต่อ นายณรงค์เวทย์ ในข้อกล่าวหา “เข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหนาที่” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54-55 และมาตรา 72 ตรี ฐาน “ยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าภายในเขตอุทยานแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 16 (1) และมาตรา 24 เป็นต้น
และหลังจากคณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันปฏิบัติการทางน้ำจนสามารถตรวจยึดและจับกุมผู้กระทำผิดได้แล้ว คณะเจ้าหน้าที่ทั้งหมดยังได้ประชุมวางแผนเพื่อปฏิบัติการทางอากาศ เนื่องจากเชื่อว่าจะทำให้การตรวจสอบเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งผลจากการปฏิบัติการทางอากาศ ทำให้เจ้าหน้าที่พบพื้นที่ถูกบุกรุกจากมุมบนเป็นพื้นที่กว้าง และจะต้องมีการตรวจเพิ่มเติมจากสภาพพื้นที่จริงอีกครั้งเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีการสร้างเขื่อนกีดขวางทางน้ำ และปลูกปาล์มยางพาราในเขตของอุทยานแห่งชาติอย่างชัดเจน
ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากคณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจทางอากาศแล้วเสร็จ ผู้ประกอบการแพรับบริการนักท่องเที่ยวชื่อ แพพาราไดซ์ ซึ่งเป็นของชาวต่างชาติ ได้โทรศัพท์เข้ามาพูดคุยกับคณะเจ้าหน้าที่เพื่อบอกเล่าประวัติความเป็นมาในการก่อสร้างแพ เพื่อแสดงเจตจำนงอันบริสุทธิ์ และยินยอที่จะรื้อถอนแพออกนอกพื้นที่อุทยานฯทั้งหมด พร้อมยินดีที่จะให้อุทยานฯ นำแพไปใช้ประโยชน์ทางราชการได้อีกด้วย
ส่วนการปฏิบัติภารกิจทางบกนั้น คณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบไร่โชคชัย ซึ่งผู้ครอบครองที่ดินสามารถนำเอกสารสิทธิมาแสดงต่อคณะเจ้าหน้าที่เพื่อให้พิจารณาตรวจสอบเอกสารสิทธิในที่ดิน ซึ่งก็พบว่า เจ้าของไร่โชคชัย มีรายชื่อในการสำรวจถือครองในโครงการจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 โดยมีพื้นที่ 53-3-07 ไร่