xs
xsm
sm
md
lg

อีกแล้ว! เจ้าท่าเล็งจับเรือไลบีเรียโหลดน้ำมันร่วม ปตท.ทำรั่วลงทะเลซ้ำรอย 4 ปีก่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ระยอง - เจ้าท่าภูมิภาคระยอง เร่งหาหลักฐานแจ้งความจับเรือ MELODY สัญชาติไลบีเรีย หลังลอยลำโหลดน้ำมันขึ้นฝั่งไทยร่วมกับ PTTGC และ SPRC ก่อนชาวประมงเจอคราบน้ำมันลอยฟ่องกลางทะเล จนผวาซ้ำรอยท่อน้ำมัน ปตท.รั่วปี 56 เผยทุกวันนี้เสี่ยงชีวิตจับปลาไกลขึ้น บางรายต้องขายเรือ กู้เงินต่อพ่วง จยย.รับจ้างแทน

จากกรณีที่ นายรุ่งเรือง สว่างรุ่ง อายุ 48 ปี กลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็ก “แหลมรุ่งเรือง” เขตเทศบาลนครระยอง ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อเวลา 10.01 น.วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่กำลังนำเรือออกไปกู้ลอบปลาบริเวณท่าเรือมาบตาพุด ห่างจากฝั่ง 10 ไมล์ทะเล ซึ่งเป็นจุดที่เคยเกิดเหตุท่อน้ำมันดิบของ ปตท.รั่วหลายหมื่นลิตร เมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 โดยพบว่า บริเวณดังกล่าวมีกลิ่นน้ำมันอย่างรุนแรง ขณะที่ในทะเลยังพบคราบน้ำมันลักษณะเป็นฝ้าลอยเหนือผิวน้ำเป็นระยะทางยาว จึงนำเรือวิ่งตามคราบน้ำมันจนมองเห็นเรือขนาดใหญ่กำลังโหลดน้ำมันกลางทะเล จึงนำเรือเข้าไปใกล้เพื่อใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน
          
นายรุ่งเรือง ยังกล่าวอีกว่า ขณะนำเรือวิ่งใกล้เรือขนาดใหญ่ลำดังกล่าว ยังพบว่ามีเรือขนาดเล็ก เฝ้าอยู่ใกล้เรือใหญ่ จากนั้นคนในเรือได้ใช้โทรโข่งประกาศเสียงดังให้ตนนำเรือถอยห่างออกไปประมาณ 500 เมตร โดยเชื่อว่าคราบน้ำมันที่ไหลเป็นระยะทางยาวในทะเลน่าจะเกิดจากการรั่วซึมบริเวณรอยข้อต่อท่อน้ำมัน จนทำให้น้ำมันดิบลอยบนผิวน้ำ แต่ในครั้งนี้มีจำนวนไม่มากเหมือนปี 2556 ซึ่งตนก็เป็นคนเจอคนแรกขณะนำเรือออกไปกู้ลอบปลา แต่ครั้งนั้นไม่ได้นำโทรศัพท์มือถือติดตัวไปจึงไม่มีภาพบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

ล่าสุด วันนี้ (16 พ.ค.) น.ต.อภิชัย คล้ายแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาระยอง เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ช่วงเวลาดังกล่าวมีเรือบรรทุกน้ำมันดิบ ชื่อ MELODY สัญชาติไลบีเรีย ขนาด 156,975 ตันกรอส จอดลอยลำนอกชายฝั่ง ขนถ่ายน้ำมันดิบโดยท่อส่งขึ้นฝั่งให้กับ 2 บริษัท ซึ่งเป็นจุดเดียวกันกับที่เกิดเหตุท่อส่งน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้ว กลางทะเล ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ทำให้น้ำมันดิบไหลทะลักออกสู่ทะเลประมาณ 50-70 ตัน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา

โดยขณะนี้เรือลำดังกล่าวได้เดินทางออกนอกน่านน้ำไทยไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานภาพถ่ายคราบน้ำมันดิบ เรือ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีเรือบรรทุกน้ำมันดิบลำดังกล่าวที่ สภ.มาบตาพุด ต่อไป

ด้าน น.ส.นลินี กาญจนามัย ผู้อำนวยการสำนักงานท่าเรือมาบตาพุด กล่าวว่า บริเวณที่ชาวประมงพบคราบน้ำมันอยู่ห่างจากฝั่ง 10 ไมล์ทะเล อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาระยอง แต่ก็จะช่วยกันตรวจสอบคราบน้ำมันดังกล่าว โดยได้สั่งการให้เรือตรวจการณ์ของท่าเรือมาบตาพุด ออกสำรวจคราบน้ำมันบริเวณชายฝั่งตลอดแนว ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบคราบน้ำมันถูกคลื่นซัดเข้าชายหาดแต่อย่างใด

จากการประสานไปยังผู้บริหารบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด มหาชน หรือ PTTGC (พีทีทีจีซี) เบื้องต้น ทราบว่าเมื่อวันที่ 13-15 พฤษภาคม ร่วมกับของบริษัท SPRC โหลดน้ำมันดิบจากเรือบรรทุกน้ำมันต่างชาติที่ลอยลำอยู่ห่างจากฝั่ง 12 ไมล์ทะเลขึ้นฝั่ง โดยทางบริษัทฯ ได้มีมาตรการดำเนินงานตามปกติ

นายเครา ชาวบ้านเกาะเสม็ด กล่าวว่า หลังทราบข่าวว่ามีน้ำมันรั่วไหลลงทะเลอีกแล้วจึงรีบไปดูตามริมหาดทราย เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอย บริเวณรอยข้อต่อท่อน้ำมัน จนทำให้น้ำมันดิบลอยบนผิวน้ำ เช่นเดียวกับเมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา

“ตอนนี้รู้สึกโล่งใจที่ครั้งนี้น้ำมันที่รั่วไหลอาจจะมีจำนวนไม่มากเท่าใด จึงไม่เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่ก็อยากจะฝากเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการตรวจสอบ และวางมาตรการการป้องกันให้รัดกุมมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะครั้งนี้โชคดีที่ส่งกระทบไม่มากหนัก แต่หากมีครั้งต่อๆ ไปอีก และไม่โชคดีแบบนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นคงจะมากมหาศาลอย่างแน่นอน”

นายมนู จินดานนท์ อายุ 65 ปี ประธานกลุ่มประมงเรือรบหลวงประแสร์ หมู่ 1 ต.ปากน้ำประแสร์ เล่าว่า ตั้งแต่ปี 56 กลุ่มประกลุ่มประมงเรือเล็ก กำลังประสบปัญหาจับสัตว์น้ำไม่ค่อยได้ ไม่ว่าจะเป็นปูม้า ปลา หรือสัตว์น้ำชนิดอื่น ไม่เหมือนกับช่วงก่อนปี 56 ที่จับได้กันค่อนข้างมาก

“ทุกวันนี้ตนต้องประกาศขายเรือ หันมากู้เงินต่อรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง รับจ้างหากินไปวันๆ จึงฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนโดยเร็ว”

ขณะที่ นายบรรเจิด ล่วงพ้น ประธานกลุ่มโบสถ์ญวน ก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า ระยะหลังสมาชิกกลุ่มเรือลากหมึก ต้องวิ่งเรือออกไปหากินไกล 20-50 ไมล์ทะเล ไปถึงจันทบุรี ตราด พัทยา ชลบุรี เพราะใกล้ฝั่งหากินไม่ได้แล้ว มันไม่มีสัตว์น้ำหลงเหลือให้จับอีก ต้องเสี่ยงชีวิตออกไปหากินในทะเล เมื่อเร็วๆ นี้ถูกคลื่นซัดเรือจมเสียหายไป 1 ลำ ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมารับฟังปัญหากลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็กบ้าง ให้สมกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0





กำลังโหลดความคิดเห็น