ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - กรณีมือมืดปลอมเฟซบุ๊กผู้ว่าฯ เชียงใหม่ รองผบช.ภ.จว.เชียงใหม่เผยตรวจสอบเบื้องต้นพบใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือแต่ยังไม่พบที่อยู่และอีเมล ประสานเฟซบุ๊กไทยแลนด์ปิดบัญชีใช้งานและกระทรวงดิจิทัลฯ ดำเนินการแล้ว พร้อมเร่งติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุลงโทษ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และเตือนประชาชนระวังถูกหลอก
จากกรณีที่มีผู้แอบอ้างใช้ภาพถ่ายของ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในการสมัครเปิดบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กในเว็บไซต์ www.facebook.com โดยใช้ชื่อว่า Panyan Chamratr โดยมีการนำภาพกิจกรรมและภาพของทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่นำมาลงในเฟซบุ๊กดังกล่าว ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และทางราชการ
ทั้งนี้ ช่วงสายวานนี้ (15 พ.ค.) ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้มอบหมายให้นายศเนติ จิรภาสอังกูร ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธร จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้เร่งสืบหาเบาะแสติดตามตัวผู้อยู่เบื้องหลัง และเพื่อเป็นการป้องกันผู้แอบอ้างไปทำสิ่งที่ไม่ดีหรือนำไปแสวงหาผลประโยชน์อย่างอื่น โดยได้มีการแจ้งข่าวกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึง ตามที่ได้มีการนำเสนอข้อมูลไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (16 พ.ค.) พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยความคืบหน้าในการติดตามเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ภายหลังการตรวจสอบที่มาที่ไปของเฟซบุ๊กดังกล่าวพบว่าไม่มีที่อยู่และอีเมล แต่เข้าจากโทรศัพท์มือถือ ซึ่งได้มีการประสานไปยังเฟซบุ๊กไทยแลนด์ ให้ทางจังหวัดหลายๆ คนช่วยร้องเรียนเข้าไป
ตอนนี้เฟซบุ๊กประเทศไทยได้ปิดเฟซบุ๊กปลอมของผู้ว่าฯ ไปแล้ว และได้แจ้งไปยังกระทรวงดิจิทัลฯ ให้ตรวจสอบโดยเร็ว ซึ่งนอกเหนือจากกรณีของผู้ว่าฯ ในครั้งนี้ ยังมีอีกหลายคดี เช่น อดีต ส.จ.นักธุรกิจในอำเภอพร้าว ที่มีการหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินไป
จึงขอฝากเตือนประชาชน ว่าถ้าพบมีการปลอมแปลง หรือหลอกให้โอนเงินในลักษณะนี้ ให้ประสานไปยังเฟซบุ๊กประเทศไทย และช่วยรายงานเข้าไปจะสามารถปิดเฟซบุ๊กดังกล่าวได้ และฝากเตือนว่าหากเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นควรตรวจสอบให้แน่นอนว่าผู้ที่ยืมเงินผ่านเฟซบุ๊กนั้นเป็นเพื่อนเราจริง ควรมีการโทร.ยืนยันและตรวจสอบชื่อบัญชีให้ถูกต้องไม่โอนไปยังบัญชีแปลกไป อย่างไรก็ตาม ในกรณีของผู้ว่าฯ นั้นมีความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 อนุ 1 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ