xs
xsm
sm
md
lg

“พ่อหลวง ร.๙” ทรงนำมูเซอห้วยปลาหลดทิ้งไร่ฝิ่น-ทำเงิน 14 ล้านต่อปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงปลูก“สนสองใบ” ที่เขตอุทยานตากสินมหาราช อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อ 26 มกราคม 2517 ปัจจุบันมี ความสูง 19.50 เมตร ขนาดความโต 2.20 เมตร
ตาก - ถอดบทเรียน 43 ปี “ชาวละหู่นะ-มูเซอดำ ห้วยปลาหลด” จากต้นกาแฟพระราชทาน “พ่อหลวง ร.๙” สู่แรงบันดาลใจทิ้งไร่ฝิ่น-เปลี่ยนไร่เลื่อนลอย และเขาหัวโล้นนับหมื่นๆ ไร่ กลายเป็นป่าดงดิบ สร้างอาชีพชุมชนปีละกว่า 14 ล้านบาท กองทัพฯ เตรียมใช้เป็นโมเดลต้นแบบฟื้นป่า “บ่อเกลือ เมืองน่าน-เชียงใหม่” ต่อ

กว่า 60 ปีมาแล้วที่ชาวมูเซอดำได้ย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากปลูก-ค้าฝิ่น และทำไร่เลื่อนลอยที่บ้านห้วยปลาหลด อ.แม่สอด จ.ตาก จนที่ดินสูญสิ้นความสมบูรณ์ ผืนป่าร่วม 2 หมื่นไร่กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม เหลือเพียงภูเขาหัวโล้น แหล่งน้ำแห้งหาย แต่ทุกวันนี้ “ห้วยปลาหลด” กลายเป็นหมู่บ้านรักษ์ป่า ทำกินจากผืนป่า สร้างรายได้รวมทั้งหมู่บ้าน กว่า 14 ล้านบาท/ปี ได้อย่างน่าทึ่ง

นายจักรพงษ์ มงคลคีรี ผู้ใหญ่บ้านห้วยปลาหลด ต.ด่านแม่ละเมา อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวอย่างซาบซึ้งว่า วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2517 คือจุดเปลี่ยนสำคัญของบ้านห้วยปลาหลด เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรชุมชนบ้านห้วยปลาหลด

ซึ่งครั้งนั้นพระองค์มีพระราชกระแสรับสั่งให้ปลูกพืชที่ทำรายได้ทดแทนฝิ่น พร้อมกับตั้งตลาดมูเซอเพื่อจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรของชุมชน เป็นแรงบันดาลใจให้ชาวบ้านทุกคนหันมาปลูกกาแฟผสมในพื้นที่ป่า นำไปสู่การดูแลรักษาป่า ประกอบอาชีพวนเกษตร ปลูกพืชผักแบบผสมผสาน เลิกการปลูกฝิ่น

โดยชาวบ้านได้อนุรักษ์ต้นไม้เดิมที่ยังคงอยู่ และปลูกป่าทดแทน จนปัจจุบันมีผืนป่าหนาแน่น กลายเป็นป่าดิบชื้นขนาดใหญ่กว่า 20,000 ไร่ เป็นป่าต้นน้ำ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิดที่หวนคืนมาอยู่ที่นี่ พร้อมกับร่วมกันบริหารจัดการผืนป่าบ้านห้วยปลาหลดเป็นสัดเป็นส่วน จนสามารถเก็บผลผลิตจากป่าตามฤดูกาลนำไปขายสร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างยั่งยืน

พล.ต.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข รองแม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตรองค์กรมหาชน รวมทั้งจังหวัดตาก และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ร่วมกันถอดบทเรียนของชาวชุมชนห้วยปลาหลด ที่ยึดแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาตลอด 43 ปี

รองแม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยอีกว่า จากอดีตผืนป่าห้วยปลาหลดเป็นเพียงภูเขาหัวโล้น แห้งแล้ง และเสื่อมโทรม ลำน้ำแห้งขอด แต่เมื่อชุมชนหันมาตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ จัดการและฟื้นฟูทรัพยากรดินน้ำป่าด้วยภูมิปัญญา มีจิตสำนึกอนุรักษ์ป่า

จนปัจจุบันป่าชุมชนบ้านห้วยปลาหลด ขนาด 14,000 ไร่ เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดตาก กลายเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวมูเซอดำอย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิดคนอยู่กับป่า เมื่อมีป่าก็มีน้ำ ยิ่งช่วยส่งเสริมให้ป่าอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำอย่างยั่งยืน

โดยชุมชนมีแนวคิดการบริหารจัดการป่าและน้ำ ด้วยการแบ่งขอบเขตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่า ได้แก่ ป่าชุมชน และป่าอนุรักษ์, การเพาะพันธุ์กล้าไม้ ปลูกป่าเสริมทุกปีร่วมกับอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช, การกำหนดระยะเวลาเก็บผลผลิตในพื้นที่ป่าเพื่อเว้นระยะเวลาให้ป่าฟื้นฟูตัวเอง, การบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ คือ ต้นน้ำ มีการสร้างฝายชะลอและเก็บกักน้ำ, กลางน้ำ จะเป็นน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และการกระจายน้ำเพื่อการเกษตร ส่วนปลายน้ำ เป็นน้ำเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อใช้ในหมู่บ้าน

“ร่องลำห้วยตามสันเขาที่เคยลักลอบปลูกฝิ่น ปัจจุบันเป็นแปลงผัก วนเกษตรปลอดสารพิษ หลากหลายชนิด เช่น กาแฟอะราบิกา มะเขือเทศ ฟักแม้ว (ซาโยเต้) หรือมะระหวาน ฯลฯ ซึ่งให้ผลผลิตตลอดปี สามารถเก็บขายและเป็นรายได้หลักให้แก่ชาวชุมชนบ้านห้วยปลาหลด”

ซึ่งพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของชุมชน ได้แก่ กาแฟอะราบิกา หน่อไม้ มะขามป้อม และฟักแม้ว (ซาโยเต้) อะโวคาโด มีตลาดสินค้าเกษตรชุมชน หรือตลาดมูเซอ เป็นแหล่งรองรับผลผลิตทางการเกษตร ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง สร้างรายได้เฉลี่ยครัวเรือนละ 20,000-35,000 บาทต่อเดือน เกิดรายได้หมุนเวียนในชุมชนไม่ต่ำกว่า 1,200,000 บาทต่อเดือน หรือไม่ต่ำกว่า 14,400,000 บาทต่อปี เป็นชุมชนต้นแบบของประเทศที่กองทัพบกส่งเสริมให้ชุมชนคนกับป่าอยู่ร่วมกัน สร้างอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืน

“ทางกองทัพฯ จะนำบทเรียนจากชุมชนมูเซอดำห้วยปลาหลดไปปรับใช้กับพื้นที่บ่อเกลือ จังหวัดน่าน และที่เชียงใหม่ต่อไปด้วย”

นางสาวธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผอ.ททท.สำนักงานตาก กล่าวว่า ขณะนี้ด้วยระยะทาง 453 กิโลเมตร จากกรุงเทพมหานคร เราสามารถทิ้งความเหนื่อยล้ากับการดำเนินชีวิต เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางมายังบ้านห้วยปลาหลด ที่ชาวบ้านพร้อมเปิดครัวให้ผู้มาเยือนเดินเลือกเก็บผัก ผลไม้ ปลอดสารพิษ มาประกอบอาหารกินในแต่ละมื้อแล้ว

“ทิ้งเรื่องงานที่ค้างคาในสมอง มาลองสูดโอโซน มองดูพระอาทิตย์ขึ้นทักทายขอบฟ้า หรือจะปีนยอดไม้ ร่ำลาแสงตะวันที่ลับหายไปกับทิวเขาถนนธงชัย ฟังเสียงนกป่าร้องทักทายประดุจหนึ่งเสียงดนตรีจากธรรมชาติที่ขับกล่อม ยามที่เราสวมบทเป็นชาวสวนผักที่รักษ์ธรรมชาติ สร้างผลผลิตจากมือของเราเอง หากเหนื่อยและร้อนก็เดินไปเล่นน้ำตกจะเต๊าะป่า ที่เป็นธารน้ำใสๆ ไหลลัดเลาะโขดหิน แทรกผ่านผืนป่าที่คนและสัตว์ป่าแบ่งปันใช้ร่วมกัน เช่นเดียวกับสะพานหินธรรมชาติ ความอัศจรรย์ของขุนเขา ที่สร้างสรรค์ศิลปะซุกซ่อนไว้ในอ้อมกอดของผืนป่าได้”

ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานตาก กล่าวอีกว่า การมาเยือน “บ้านห้วยปลาหลด” นอกจากจะได้ท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวละหู่นะ หรือชาวมูเซอดำ ที่น้อมนำกระแสพระราชดำรัส ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ผสมผสานเข้ากับรากวัฒนธรรมชนเผ่า จนสามารถสร้างผืนป่า สร้างอาชีพ ให้แก่ชุมชนมากว่า 43 ปีแล้ว

ผู้มาเยือนยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมอันอ่อนโยนของชาวมูเซอดำ ที่เรียกตนเองว่า “ละหู่นะ” เป็นมูเซอดั้งเดิมที่อพยพมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของพม่า และยูนนาน ซึ่งยังคงยึดวิถีชีวิตเกษตรกรรมเพื่อการยังชีพ ความอยู่รอดของชาวละหู่นะทุกคนขึ้นอยู่กับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ไม่ว่าเป็นดิน ความพอดีของน้ำจากท้องฟ้า

ซึ่งวัฒนธรรมของชาวลาหู่นะผูกพันอยู่เป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ ได้สะท้อนออกมาในรูปแบบวรรณกรรมปากเปล่าจากรุ่นสู่รุ่นว่า “กระดูกของเราเป็นก้อนหิน เนื้อหนังของเราเป็นดิน สายเลือดเป็นสายน้ำ ลมหายใจเป็นอากาศ และความอบอุ่นภายในกายเป็นแสงแดด” ดินเป็นตัวแทนธรรมชาติที่มีความผูกพันที่ใกล้ชิดมนุษย์

“วันนี้ชาวห้วยปลาหลดพร้อมมอบรอยยิ้ม และความสุขให้แก่นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือนอย่างอบอุ่น และสุดประทับใจแล้ว” น.ส.ธมลวรรณกล่าว





ผืนป่าห้วยปลาหลด อ.แม่สอด จ.ตาก ที่เคยเป็นเขาหัวโล้น และไร่ฝิ่นในอดีต ปัจจุบันกลายเป็นผืนป่าดิบชื้น ที่สร้างรายได้ให้กับชาวละหู่นะ หรือมูเซอดำ อย่างยิ่งยืน







ผืนป่าห้วยปลาหลด อ.แม่สอด จ.ตาก ที่เคยเป็นเขาหัวโล้น และไร่ฝิ่นในอดีต ปัจจุบันกลายเป็นผืนป่าดิบชื้น ที่สร้างรายได้ให้กับชาวละหู่นะ หรือมูเซอดำ อย่างยิ่งยืน







ผืนป่าห้วยปลาหลด อ.แม่สอด จ.ตาก ที่เคยเป็นเขาหัวโล้น และไร่ฝิ่นในอดีต ปัจจุบันกลายเป็นผืนป่าดิบชื้น ที่สร้างรายได้ให้กับชาวละหู่นะ หรือมูเซอดำ อย่างยิ่งยืน











แปลงต้นกาแฟพระราชทาน ปลูกตั้งแต่ ปี 2517 ที่ให้ผลผลิต และถูกนำมาแปรรูปขายผ่านร้านกาแฟมูเซอแล้ว

กำลังโหลดความคิดเห็น