ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – “หลินฮุ่ย” แม่หมีแพนด้าผสมพันธุ์ครบ 100 วัน แต่ดื้อรั้น และไม่ยอมให้ความร่วมมือทีมงานสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญอัลตร้าซาวด์มดลูกตรวจหาการตั้งท้องตามแผน ต้องเล็งทำซ้ำในอีก 4-5 วันข้างหน้า อย่างไรก็ตามเผยพบสัญญาณที่ดีและมีความหวังที่จะได้ลูกหมีแพนด้าตัวใหม่ หลังพบ “หลินฮุ่ย” แสดงพฤติกรรมชัดเจนลากกระสอบใบไผ่และหักกิ่งไผ่วางกองทำรัง ขณะที่ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ขึ้นสูงสุด 527 นาโนกรัมต่อมิลลิกรัมคริตินิน และเริ่มมีแนวโน้มลดลง
วันนี้(15 พ.ค.60) นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยเกี่ยวกับการติดตามความคืบหน้าการผสมพันธุ์หมีแพนด้า “หลินฮุ่ย” ตัวเมีย หลังได้รับการผสมเทียมครบ 100 วันในวันนี้ว่า ตามแผนเดิมทางทีมงานสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย มีกำหนดที่จะทำการอัลตร้าซาวด์ตรวจมดลูกของ “หลินฮุ่ย” เพื่อติดตามหาการตั้งท้องว่ามีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไรบ้าง หลังจากที่เมื่อวันที่ 25 เม.ย.60 ที่ครบ 80 วัน ได้ทำการอัลตร้าซาวด์ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างไรก็ตามในวันนี้ ปรากฏว่า “หลินฮุ่ย” มีการแสดงพฤติกรรมดื้อรั้นและไม่ให้ความร่วมมือ ทางทีมงานสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจึงไม่สามารถทำการอัลตร้าซาวด์ได้ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยเตรียมจะดำเนินการอีกครั้งในอีก 4-5 วัน หลังจากนี้
ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า แม้ว่าวันนี้จะไม่สามารถทำการอัลตร้าซาวด์ได้ เนื่องจาก “หลินฮุ่ย” ไม่ให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตามจากพฤติกรรมต่างๆ ที่ “หลินฮุ่ย” แสดงออกมาและทีมงานสังเกตพบนั้น ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีและยังมีความหวังว่าการผสมพันธุ์ในปีนี้จะประสบความสำเร็จจนได้ลูกหมีแพนด้าตัวใหม่ที่เกิดในประเทศไทย โดยพบว่าพฤติกรรมล่าสุดของ “หลินฮุ่ย” มีการกินอาหารน้อยลง และใช้เวลาในการนอนหลับพักผ่อนนานขึ้น ขณะเดียวกันยังมีการแสดงพฤติกรรมทำรังอย่างชัดเจนอีกด้วย โดยมีการหักกิ่งไผ่และลากกระสอบบรรจุใบไผ่นำไปวางกองทำเป็นรังไว้ที่บริเวณมุมของส่วนจัดแสดง ซึ่งเป็นจุดเดียวกับเคยทำรังไว้เมื่อการผสมพันธุ์ครั้งที่แล้ว นอกจากนี้ล่าสุดพบด้วยว่าระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ควบคุมการตั้งท้องของ “หลินฮุ่ย” ได้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุด 527 นาโนกรัมต่อมิลลิกรัมคริตินิน เมื่อวันที่ 11 พ.ค.60 และจากนั้นเริ่มมีแนวโน้มลดลง ซึ่งจากนี้จะมีการเฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าการผสมพันธุ์และการตั้งท้องของ “หลินฮุ่ย” ในปีนี้จะเป็นอย่างไร.
วันนี้(15 พ.ค.60) นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยเกี่ยวกับการติดตามความคืบหน้าการผสมพันธุ์หมีแพนด้า “หลินฮุ่ย” ตัวเมีย หลังได้รับการผสมเทียมครบ 100 วันในวันนี้ว่า ตามแผนเดิมทางทีมงานสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย มีกำหนดที่จะทำการอัลตร้าซาวด์ตรวจมดลูกของ “หลินฮุ่ย” เพื่อติดตามหาการตั้งท้องว่ามีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไรบ้าง หลังจากที่เมื่อวันที่ 25 เม.ย.60 ที่ครบ 80 วัน ได้ทำการอัลตร้าซาวด์ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างไรก็ตามในวันนี้ ปรากฏว่า “หลินฮุ่ย” มีการแสดงพฤติกรรมดื้อรั้นและไม่ให้ความร่วมมือ ทางทีมงานสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจึงไม่สามารถทำการอัลตร้าซาวด์ได้ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยเตรียมจะดำเนินการอีกครั้งในอีก 4-5 วัน หลังจากนี้
ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า แม้ว่าวันนี้จะไม่สามารถทำการอัลตร้าซาวด์ได้ เนื่องจาก “หลินฮุ่ย” ไม่ให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตามจากพฤติกรรมต่างๆ ที่ “หลินฮุ่ย” แสดงออกมาและทีมงานสังเกตพบนั้น ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีและยังมีความหวังว่าการผสมพันธุ์ในปีนี้จะประสบความสำเร็จจนได้ลูกหมีแพนด้าตัวใหม่ที่เกิดในประเทศไทย โดยพบว่าพฤติกรรมล่าสุดของ “หลินฮุ่ย” มีการกินอาหารน้อยลง และใช้เวลาในการนอนหลับพักผ่อนนานขึ้น ขณะเดียวกันยังมีการแสดงพฤติกรรมทำรังอย่างชัดเจนอีกด้วย โดยมีการหักกิ่งไผ่และลากกระสอบบรรจุใบไผ่นำไปวางกองทำเป็นรังไว้ที่บริเวณมุมของส่วนจัดแสดง ซึ่งเป็นจุดเดียวกับเคยทำรังไว้เมื่อการผสมพันธุ์ครั้งที่แล้ว นอกจากนี้ล่าสุดพบด้วยว่าระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ควบคุมการตั้งท้องของ “หลินฮุ่ย” ได้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุด 527 นาโนกรัมต่อมิลลิกรัมคริตินิน เมื่อวันที่ 11 พ.ค.60 และจากนั้นเริ่มมีแนวโน้มลดลง ซึ่งจากนี้จะมีการเฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าการผสมพันธุ์และการตั้งท้องของ “หลินฮุ่ย” ในปีนี้จะเป็นอย่างไร.