เชียงราย - ใครเห็นเป็นต้องหันกลับไปดูซ้ำ พร้อมยกนิ้วโป้งให้-ปรบมือกันเกรียว วงโยธวาทิตนักเรียนชายขอบเชียงราย ตีหม้อก๋วยเตี๋ยว-ถังไอติม ผสมเครื่องดนตรีจีนที่ ผอ.-ผู้ปกครองช่วยกันหาซื้อมาตามกำลังทรัพย์ จนคว้าแชมป์ 2 ปีติด ได้รางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วน แถมเทียบเชิญร่วมแข่ง ตปท.มาจ่อถึง ร.ร.แต่ขาดงบ
วันนี้ (14 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทุกวันนี้คนที่เดินทางผ่านถนนเทิง-เชียงของ จ.เชียงราย เมื่อไปถึงหน้าโรงเรียนอนุบาลเชียงราย เลขที่ 333 ม.3 ต.เวียง อ.เชียงของ จะพบว่าวงโยธวาทิตนักเรียนโรงเรียนดังกล่าวจะนำฉาก-อุปกรณ์เครื่องดนตรีตั้งวงซ้อมในรูปแบบต่างๆ ต่อเนื่องเป็นประจำ แต่ที่ทำให้ทุกคนที่พบเห็นต้องหันกลับไปมองซ้ำทุกรายก็คือ โยธวาทิตวงนี้มีการนำหม้อก๋วยเตี๋ยว ถังไอศกรีม ฯลฯ ดัดแปลงเป็นเครื่องดนตรีประกอบได้กระหึ่มเร้าใจด้วย
นายอัครเดช ยมภักดี ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเชียงของ กล่าวว่า วงโยธวาทิตของโรงเรียนฯ เพิ่งได้รับรางวัลชนะเลิศโยธวาทิตภาคเหนือ ที่จัดขึ้นที่โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม อ.เมืองเชียงราย ไปเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยชนะเลิศ 2 ปีติด หลังจากเคยชนะเลิศในการแข่งขันที่เชียงใหม่เมื่อปี 59 ที่ผ่านมา
ล่าสุดยังได้รับเชิญจากสมาคมโลกแห่งการแสดงโยธวาทิต (The World Association of Marching Show Bands หรือ WAMSB) ซึ่งเป็นองค์กรระดับนานาชาติ ให้เป็นตัวแทนประเทศไทยให้ไปร่วมแข่งขันชิงแชมป์โยธวาทิตระดับเยาวชนเอเชีย อายุไม่เกิน 16 ปี ระหว่างวันที่ 20-22 ก.ค.นี้ ณ รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย
อย่างไรก็ตาม เรามีปัญหาด้านงบประมาณ และอุปกรณ์ จึงต้องพยายามซ้อมพร้อมกับหาทุนกันทุกวันเพื่อจะเดินทางไปร่วมการแข่งขันดังกล่าว เนื่องจากเป็นการเชิญเร่งด่วนและไม่สามารถของบประมาณจากทางราชการได้ตามปกติเพราะต้องมีการตั้งงบประมาณล่วงหน้า
“อุปกรณ์และเครื่องดนตรีที่เห็นกันอยู่นี้ยังดีกว่าสมัยก่อนมาก ตอนที่เข้ามาส่งเสริมให้นักเรียนฝึกดนตรีโยธวาทิตช่วงแรกๆ เมื่อปี 49 พอให้ครูสอนดนตรีสอน เด็กทุกคนไม่มีพื้นฐาน หรือเล่นดนตรีไม่เป็นเลย เครื่องดนตรีก็ไม่มียี่ห้อยามาฮ่าให้เห็น ต้องไปซื้อของจีนแดงมาใช้”
นายอัครเดชบอกว่า โรงเรียนเราก็อยู่ห่างไกลถึงชายขอบติดแม่น้ำโขงชายแดน สปป.ลาว แต่ด้วยความตั้งใจของครูผู้สอนและนักเรียน รวมทั้งได้รับความอนุเคราะห์ผู้ปกครองจัดผ้าป่าได้เงินมาประมาณ 300,000 บาท ทำให้เราได้รองแชมป์ในการประกวดชิงแชมป์ภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ ในปี 2556 อย่างพลิกความคาดหมาย และสร้างความแปลกใจให้แก่วงการโยธวาทิตกันมาก
หลังจากนั้นเราก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมประกวดรายการต่างๆ และเด็กได้แสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์เรื่อยมา เช่น ปี 2557 ได้รางวัลที่ 4 จากการประกวดระดับถ้วย ง.ของกรมพลศึกษา ซึ่งเป็นการแข่งขันทีมจากทั่วประเทศด้วย, ปี 2558 เลื่อนชั้นสู่ถ้วย ค.และได้รางวัลที่ 6 ระดับประเทศในประเภทมาร์สชิง โชว์แบนด์ และที่ 7 ประเภทพาเหรด ปี 2559 และปี 2560 ก็ชนะเลิศประเภทดิสเพลย์ แบตเทิล ระดับภาคเหนือ 2 ปีซ้อนดังกล่าว
นายอัครเดชกล่าวว่า ปี 2559 WAMSB เคยเชิญโรงเรียนเราไปแข่งขันชิงแชมป์เอเชียที่เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว แต่เราไม่มีกำลังและเงินทุนมากพอจะไปร่วมแข่งขันได้จึงบอกยกเลิกไป หันมาแข่งขันภายในประเทศจนได้แชมป์อีก แล้วก็ได้รับเชิญอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเวทีแข่งขันที่มาเลเซีย จึงคิดว่าน่าจะพยายามไปให้ได้ เพื่อให้เด็กได้ประสบการณ์ เป็นใบเบิกทางไปสู่อนาคตของเขา เพราะรุ่นพี่หลายคนหลังจากจบจากโรงเรียนอนุบาลเชียงของก็ติดโควตาสถานศึกษาดังๆ บางคนก็ติดวงดุริยางค์ทหารบกด้วย เบื้องต้นได้ใช้เงินโรงเรียนเท่าที่พอมีได้ประมาณ 300,000 บาท และจะขอไปทางจังหวัดฯ และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เขต 4 ซึ่งเป็นต้นสังกัด หากภาคเอกชนและผู้ปกครองประสงค์จะช่วยกันเด็กๆ ก็สามาถติดต่อโรงเรียนได้
“ในส่วนของการเดินทางจะขอทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จัดรถไฟนอนฟรีให้เด็กๆ เดินทางจากภาคเหนือไปจนถึงสถานีภาคใต้ แล้วค่อยใช้งบประมาณที่มีขึ้นรถไฟในมาเลเซียต่อไป คาดว่าจะใช้งบรวมประมาณ 700,000 บาท แต่ตัวเลขนี้ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก สำหรับโรงเรียนชายขอบอย่างพวกเรา" ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเชียงของ กล่าว
ขณะที่นายปริญญา วรทอง หัวหน้าครูผู้ฝึกสอน กล่าวว่า เด็กทุกคนที่อยู่ในวงโยธวาทิตของเรา เริ่มต้นเรียนรู้จากการที่ไม่รู้เรื่องดนตรีทั้งหมด จึงต้องฝึกสอนกันตั้งแต่พื้นฐาน การเป่าเครื่องดนตรีเท่าที่พอมีอยู่ การเรียนรู้เรื่องตัวโน๊ต ฯลฯ ซึ่งใช้เวลาคนละกว่า 3 เดือน และฝึกซ้อมเพื่อจะแข่งขันรวม 6 เดือน ซึ่งเด็กๆ ก็สนใจเรียนรู้ ทุ่มเท ฝึกฝน และก็โชคดีที่ทางผู้อำนวยการโรงเรียนฯใส่ใจจึงไปเช่าซื้อเครื่องดนตรีแบบใหม่มาให้จนเป็นหนี้ เป็นสินประมาณ 20,000 บาทแล้ว จนทำให้เด็กๆ มีโอกาสใช้เครื่องดนตรียี่ห้อยามาฮ่าแทนของจีนแดงแล้ว
“ส่วนการนำอุปกรณ์ประเภทหม้อซุปก๋วยเตี๋ยวและถังไอศกรีมมาดัดแปลงใช้ เพราะเราเลือกฉากและการแสดงที่จำเป็นต้องใช้กลองไทโกะแต่กลองประเภทนี้ราคาแพงมาก จึงต้องดัดแปลงด้วยอุปกรณ์ที่พอมีอยู่ไปก่อน”
ด้านนายชัยยุทธ ตาคำ นักเรียนชั้น ม.3 สังกัดวงโยธวาทิตโรงเรียนอนุบาลเชียงของ กล่าวว่า ตนดีใจมากที่ได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันรายการต่างๆ แล้วได้รางวัลกลับมามากมาย แต่ถ้าไม่ได้ไปแข่งระดับนานาชาติที่มาเลเซียก็คงจะเสียใจมาก เพราะฝึกซ้อมกันมาอย่างดี และพวกเราก็อยากให้นานาชาติได้รู้ว่า แม้พวกเราจะอยู่โรงเรียนชายขอบห่างไกลแต่คนไทยไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีฝีมือ