บุรีรัมย์ - หนุ่มวัย 18 ปี ชาว อ.พลับพลาชัย บุรีรัมย์ ป่วยโรคกระดูกพรุนตัวหดเหลือเท่าเด็ก 2 ขวบ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซ้ำมีก้อนเนื้องอกบนใบหน้าปิดตาข้างซ้ายมองไม่เห็นและปิดรูจมูกต้องหายใจทางปาก ใช้ชีวิตอยู่อย่างทรมานมานานร่วมปี พ่อร่ำไห้สงสารลูกวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือพาไปรักษา
วันนี้ (11 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านบ้านม่วงเหนือ หมู่ 4 ต.ป่าชัน อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ว่ามีชายหนุ่มป่วยด้วยโรคกระดูกพรุนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และยังไม่มีหน่วยงานใดยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง เมื่อไปถึงบ้านเลขที่ 49 หมู่ 4 บ้านม่วงเหนือ ตำบลป่าชัน ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวและมีเพิงเล็กๆ อยู่หน้าบ้าน พบนายวินาท ชำนิจ อายุ 56 ปี ผู้เป็นพ่อคอยเฝ้าดูแล นายณัฐพล ชำนิจ หรือน้องจู อายุ 18 ปี ลูกชายที่ป่วยด้วยโรคกระดูกพรุนอยู่ไม่ห่าง ทั้งคอยเช็ดอุจจาระ ปัสสาวะ หาข้าวหาน้ำและยาให้กิน
โดยนายณัฐพล หรือน้องจู ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนมานานกว่า 5 ปีแล้ว ระยะแรกยังพอช่วยเหลือตัวเองลุกเดินไปมาได้ แต่สภาพร่างกายไม่ปกติเหมือนคนทั่วไปเพราะกระดูกจะเปราะบาง กระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมาน้องจู มีอาการทรุดหนักร่างกายหดตัว ปัจจุบันเหลือเท่ากับเด็ก 2 ขวบ อีกทั้งกระดูกยังมีสภาพบิดงอจนไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนหรือขยับตัวได้ ต้องนอนอยู่บนที่นอนมานานกว่า 1 ปีแล้ว ซ้ำร้ายยังมีก้อนเนื้องอกออกมาบริเวณใบหน้าโดยไม่ทราบสาเหตุและมีขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ จนปิดตาข้างซ้ายทำให้มองไม่เห็นและปิดจมูกจนหายใจไม่ได้ต้องหายใจทางปากแทนต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมาน ที่ผ่านมายังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือ มีเพียงเจ้าหน้าที่จากทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเข้ามาตรวจสุขภาพและให้ยาแก้ไอ แก้ปวดให้รับประทาน และยานวดใช้สำหรับนวดเวลาที่ปวดและนำเครื่องออกซิเจนมาไว้ให้สำหรับยามฉุกเฉินเท่านั้น
นายณัฐพล หรือน้องจู บอกว่า มีอาการป่วยด้วยโรคกระดูกพรุนมากว่า 5 ปีแล้ว แต่ที่ผ่านมายังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ไปเรียนหนังสือได้ตามปกติ กระทั่งจบชั้น ม.3 เริ่มมีอาการผิดปกติกระดูกเปราะหักง่ายต้องทำอะไรด้วยความระมัดระวัง กระทั่งร่างกายเริ่มหดตัวกระดูกบิดงอผิดรูปจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งยังมีเนื้องอกออกมาที่บริเวณใบหน้าจนปิดตาและจมูก ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความทรมาน แม้แต่จะขยับตัวยังทำไม่ได้ จึงอยากให้มีผู้ใจบุญพาไปรักษาให้กลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติอีกครั้ง
ด้านนายวินาท ชำนิจ พ่อน้องจู บอกว่า ได้แยกทางกับภรรยาหลายปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 2 คน คนโต อายุ 25 ปีอาศัยอยู่กับตนเองมีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง ส่วนคนเล็กคือน้องจู ก่อนหน้านี้อาศัยอยู่กับแม่ช่วงแรกที่ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน แม่เขาพาไปรักษาที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์แต่ไม่ดีขึ้น กระทั่งมีอาการทรุดหนักจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงเอากลับมาให้ตนเองเลี้ยงแต่ด้วยที่ฐานะยากจนมีร่างกายแค่เพียงรับจ้างก่อสร้างวันละ 300-400 บาท แต่ช่วงไหนไม่มีงานไม่มีรายได้ จึงไม่ได้พาลูกไปรักษาเพียงดูแลตามอัตภาพ
จนปัจจุบันสภาพร่างกายของลูกชายหดตัวลงเหลือเท่ากับเด็ก 2 ขวบ ทั้งกระดูกยังบิดตัวคดงอช่วยเหลือตัวเองไมได้ และมีเนื้องอกบริเวณใบหน้าจนตาข้างซ้ายมองไม่เห็นและต้องหายใจทางปากแทนแต่ยังพูดสื่อสารรู้เรื่องทุกอย่าง
ทุกวันนี้ตนต้องคอยดูแลลูกไม่ห่างเพราะต้องคอยเช็ดอุจจาระ ปัสสาวะ หาข้าวหายาให้กิน และเวลาที่ลูกปวดก็จะคอยนวดให้ จึงไม่ได้ไปทำงานรับจ้างก่อสร้างมาเป็นเวลาร่วมปีแล้ว เพราะต้องคอยดูแลลูกและเมื่อเห็นสภาพลูกทีไรก็แอบร้องไห้เพราะสงสารลูกมาก ปัจจุบันไม่มีรายได้อะไรมีเพียงเงินรับจ้างก่อสร้างจากลูกชายคนโตที่ได้บ้างไม่ได้บ้าง และเพื่อนบ้านมีเมตตาสงสารคอยหยิบยื่นความช่วยเหลือให้บ้างตามกำลังที่มี
จึงอยากวิงวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือพาลูกไปรักษาเพื่อให้ลูกชายสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ หรือสามารถช่วยเหลือตัวเองได้หากผู้ใจบุญหรือผู้มีจิตศรัทธาต้องการช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 09-89027193 หรือบริจาคได้ที่หมายเลขบัญชี 959-235901-6 ชื่อบัญชี นายวินาท ชำนิจ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาปราสาท (สุรินทร์)