ลำพูน - เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานสนธิกำลังบุกตรวจ “กู่อรหันต์ลำพูน” หลังถูกร้องบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า ลวงคนระดมทุนคล้ายแชร์ลูกโซ่เสียหายกันกว่า 100 ล้าน จนต้องพากันเข้าร้องกองปราบมาแล้ว แต่ไร้เงาเจ้าสำนักฯ เจอแต่ชาวลาวร่วมพิธีเพียบ
วันนี้ (9 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ลำพูน ร่วมกับ บก.ควบคุม กกล.รส.ลำพูน ตำรวจภูธรจังหวัดฯ ตำรวจ สภ.เหมืองจี้ กก.สส.ภ.จว.ลำพูน ป้องกันจังหวัดลำพูน ฝ่ายปกครอง อ.เมืองลำพูน เทศบาลตำบลป่าสัก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 ต.ป่าสัก ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำพูน สำนักพุทธฯลำพูน-เชียงใหม่ สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ และป่าไม้จังหวัดลำพูน ได้เข้าตรวจสอบมูลนิธิอโศกมุนีแสงธรรม หรือกู่อรหันต์ ตั้งอยู่เลขที่ 158 หมู่ 14 บ้านหนองไซ ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน
หลังถูกร้องเรียนว่า มีการอวดอุตริ บิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า ตลอดจนชักจูงให้คนร่วมบริจาค ลงทุนลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ ซึ่งมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามมาแล้วหลายราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
ในขณะตรวจสอบไม่พบ นายสินธพ ทรวงแก้ว ประธานมูลนิธิ มีเพียงผู้ดูแลมูลนิธิ จำนวน 2 คน คือ นายรังสรรค์ ปะฏิเต อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/5 หมู่ 6 ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นางนิจจารีย์ ดาษคาคำ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 5 ต.สันปู่เลย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
ผลการตรวจสอบพบว่า มูลนิธิฯ มีพื้นที่ทั้งหมด 80 ไร่ ประกอบด้วย อาคารปฏิบัติธรรม เป็นอาคารโล่งยกสูง จำนวน 1 อาคาร มีพระพุทธรูปสีทอง องค์ใหญ่ และเล็ก จำนวน 72 องค์ ขนาดหน้าตัก 5-6 เมตร สูงประมาณ 10 เมตร โดยมีป้ายแสดงข้อความว่า “พระพุทธรูปพร้อมฐานและสิ่งของเหล่านี้ไม่ใช่ศิลปวัตถุโบราณธรรมดาทั่วไป แต่สร้างด้วยพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า 28 พระองค์” จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ไม่พบการบุกรุกพื้นที่ป่า
และในบริเวณอาคารปฏิบัติธรรม พบกลุ่มญาติธรรมประมาณ 20 คน กำลังรับชมการเผยแพร่คำสอนของ นายสินธพ ทรวงแก้ว ประธานมูลนิธิฯ ผ่านวิดีทัศน์ และอีกกลุ่มประมาณ 30 คน กำลังท่องบทคำสอน โดยเป็นญาติธรรมจาก สปป.ลาว จำนวน 37 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้ทำการตรวจสอบแล้วเป็นนักท่องเที่ยว มีหนังสือเดินทางถูกต้องทุกคน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดแผ่นวิดีทัศน์เพื่อนำไปตรวจสอบว่า มีการบิดเบืนคำสอนหรือไม่ แต่จากการตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงได้ทำการตรวจปัสสาวะเจ้าหน้าที่ภายในมูลนิธิฯ ไม่พบสารเสพติด