xs
xsm
sm
md
lg

4 แกนนำ นปช.โร่พบ ตร.พัทยา หลังโดนหมายเรียกคดีพามวลชนเสื้อแดงบุกล้มประชุมอาเซียนซัมมิทปี 52

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - 4 แกนนำ นปช.โร่พบตำรวจพัทยา หลังโดนหมายเรียกคดีพามวลชนคนเสื้อแดงบุกล้มประชุมอาเซียนซัมมิทปี 52 ที่รอยัลคลิฟพัทยา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 พ.ค.) 4 แกนนำ นปช.ประกอบด้วย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นพ.เหวง โตจิราการ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สหัส โหรวิชิต รอง ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ปฏิบัติราชการรอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และ พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา

เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ในคดียุยงส่งเสริมปลุกปั่นให้เกิดความปั่นป่วน และสมคบกันเกิน 10 คนขึ้นไป กรณีพากลุ่มมวลชนยกขบวนไปปิดล้อม และล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือ “อาเซียนซัมมิท” ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา โดยมี นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายก่อแก้ว พิกุลทอง พร้อมแกนนำ นปช. ทนายความ และกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางมาให้กำลังใจ

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดพนักงานสอบสวนแยกแต่ละบุคคลเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา และสอบปากคำเป็นการเบื้องต้น ก่อนจะพิมพ์ลายนิ้วมือ และประวัติไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งทั้งหมดให้การปฏิเสธ แต่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ก่อนจะพากันเดินทางกลับ

พ.ต.อ.สหัส เผยว่า จากเหตุการณ์บุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในปี 2552 ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นั้น ปัจจุบันได้มีการดำเนินคดีในส่วนของผู้ที่กระทำผิดไปแล้ว โดยศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คือ จำคุกพวกที่ก่อเหตุรวม 12 คน เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษพัทยา จ.ชลบุรี

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีการร้องดำเนินคดีเพิ่มเติมในช่วงปลายปี 2558 เกี่ยวกับความเกี่ยวพันของกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า ยังไม่มีการดำเนินคดีต่อแกนนำที่จัดให้มีการปราศรัยบนเวทีใหญ่ ที่ กทม. ซึ่งมีการยุยงปลุกปั่นเพื่อให้คนมาชุมชน และเข้าร่วมเพื่อล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออนุมัติหมายจับ แต่ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีพฤติกรรมในการหลบหนี

จึงได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา และสอบปากคำจำนวน 7 ราย ประกอบด้วย นายวีระกานต์ มุสิกพงษ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.เหวง โตจิราการ นายจักรภพ เพ็ญแขร์ นายอดิสร เพียงเกษ และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์

“คดีนี้แม้ว่าจะเกิดเหตุที่เมืองพัทยา แต่ก็มีความเกี่ยวข้อง และเกี่ยวพันกันหลายส่วนจึงได้รวบรวมหลักฐาน และกล่าวโทษ อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาระบุว่าลักษณะของการกระทำอยู่ในพื้นที่ของนครบาล และมีการแจ้งข้อกล่าวเพื่อดำเนินคดีไปแล้วนั้น คงต้องว่ากันไปตามการพิจารณา ยกตัวอย่าง คดีฆาตกรรมซึ่งมีการจ้างวานจากผู้บงการที่อยู่ต่างพื้นที่แต่ก็คงต้องเรียกมาดำเนินคดีเช่นกัน

ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาจะเรียกร้องความเป็นธรรมได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย สำหรับในส่วนของผู้ถูกกล่าวหาที่ยังไม่มารายงานตัว ก็จะเสนอเรื่องต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายเรียก และหมายจับต่อไป” พ.ต.อ.สหัส กล่าว

ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.กล่าวว่า ได้เดินทางพร้อมพวกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาหลังจากกรณีนี้เกิดขึ้นมาแล้วกว่า 8 ปี ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการนำข้อมูล และถอดเทปจาก สน.ดุสิต มาตั้งเป็นข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม จากนี้คงต้องขอเวลาในการคัดลอกเทปคำปราศรัยเพิ่มเติมมาประกอบเนื่องจากตามข้อกล่าวหานั้นไม่มีเนื้อหาที่ครอบคลุมเท่าที่ควร

ส่วนการบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่เมืองพัทยานั้น ในช่วงหลังเกิดเหตุมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา และกล่าวหาผู้กระทำผิด ซึ่งครั้งนั้นมีมติให้ส่งฟ้องกลุ่มแกนนำที่เดินทางมาเข้าร่วมที่เมืองพัทยาเท่านั้น ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือปราศรัยร่วมก็แบ่งแยกชัดเจนว่าให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของพื้นที่ หรือ สน.ดุสิต เป็นผู้ดำเนินการ จึงไม่เข้าใจว่าขอบเขตอยู่ตรงไหน แต่เมื่อมีการฟ้องร้องกล่าวโทษซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินการอย่างถูกต้อง ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาก็คงต้องรวบรวมพยานหลักฐาน เอกสารเพื่อมาต่อสู้กันต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น