อุบลราชธานี - ตำรวจอุบลฯ รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับพ่อเลี้ยงและเพื่อนร่วมห้องพักร่วมกันทำร้าย ด.ช.ระพีภัทรจนถึงแก่ความตาย เบื้องต้นเพื่อนยังให้การปฏิเสธ อ้างออกจากห้องพักไปก่อนเด็กถูกทำร้าย แต่ยอมรับเป็นผู้ขับรถไปรับพ่อเลี้ยงกับแม่จากโรงพยาบาลไปส่งขึ้นรถยนต์โดยสารหนีไปต่างจังหวัด ซึ่งชุดกำลังเร่งไล่ล่าและกระจายหมายจับไปตามจังหวัดต่างๆ ที่คาดพ่อเลี้ยงที่ก่อเหตุไปกบดานอยู่
จากกรณีนายจิรันตน์ หรือเหน่ง ปันสวน อายุ 24 ปี พ่อเลี้ยงนำร่างหมดสติของ ด.ช.ระพีภัทร สาแล๊ะ อายุ 2 ขวบเศษ ส่งให้แพทย์โรงพยาบาลเอกชนช่วยเหลือ โดยอ้างว่าเด็กจมน้ำจนเสียชีวิต แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับแจ้งเหตุมีข้อสงสัย ส่งศพให้แพทย์นิติเวชผ่าพิสูจน์พบว่าเด็กถูกทำร้ายจนตับอ่อนแตกและมีเลือดคั่งในสมอง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าบรรยากาศการตั้งศพบำเพ็ญกุศล ด.ช.ระพีภัทร สาแล๊ะ อายุ 2 ขวบเศษ ที่บ้านเลขที่ 23 บ้านเพี้ยเพ้า ต.คำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องมาร่วมงาน โดยต่างกล่าวถึงความรุนแรงที่นายจิรันตน์ หรือเหน่ง ปันสวน พ่อเลี้ยงทำกับ ด.ช.ระพีภัทร
ซึ่งญาติบางคนก็เล่าว่า เวลานายจิรันตน์ พ่อเลี้ยงมารับเด็กไปนอนที่หอพัก บางครั้งเด็กมีอาการหวาดผวา แต่ขัดขืนไม่ได้ สำหรับศพ ด.ช.ระพีภัทรจะฌาปนกิจในช่วงบ่ายวันนี้ (8 พ.ค.) ที่วัดธรรมนิมิตร ในหมู่บ้าน
ด้าน น.ส.ธิดาวรรณ สมบูรณ์ อายุ 21 ปี น้าสาว กล่าวเรียกร้องให้นางธิดารัตน์ หรือยุ้ย สมบูรณ์ พี่สาวที่เป็นมารดาของ ด.ช.ระพีภัทร ออกมาพบกับเจ้าหน้าที่เพื่อเล่าความจริงที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อว่านางธิดารัตน์ไม่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของบุตรชาย จึงอย่าได้เกรงกลัวสามีใหม่
พ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุบลราชธานี หัวหน้าชุดสืบสวนในคดีนี้ กล่าวว่า หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นห้องพักนายจิรันตน์ ซึ่งพักอยู่กับนายสุวิชาญ หรือกรีน อองดา อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 บ้านโคก หมู่ 6 ต.หนองเสม็ด อ.เมือง จ.ตราด ในซอยบ้านนาควาย หรือสุขาสงเคราะห์ 9 ถ.ชยางกูร ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี
โดยพบกับนายสุวิชาญ ซึ่งให้การว่าก่อนเด็กเสียชีวิตได้ขี่รถจักรยานยนต์พานายจิรันตน์ไปรับเด็กมาจากบ้านในอำเภอวารินชำราบเพื่อมาพักอยู่ที่หอพักที่ทั้งสองพักอยู่ด้วยกัน โดยนายจิรันตน์และเด็กจะนอนอยู่บนพื้นข้างเตียง ส่วนนายสุวิชาญจะนอนอยู่บนเตียงคนเดียว และบางครั้งก็เห็นนายจิรันตน์กับเด็กอาบน้ำด้วยกัน
ส่วนวันเกิดเหตุ นายสุวิชาญอ้างว่าออกจากห้องพักไปทำงานตั้งแต่เวลา 09.00 น.เศษ จึงไม่รู้เห็นระหว่างเด็กถูกทำร้าย แต่ยอมรับได้ขับรถยนต์ไปรับนายจิรันตน์และแม่ของเด็กจากโรงพยาบาลไปส่งที่สถานีขนส่งรถยนต์โดยสาร โดยไม่ทราบว่านายจิรันตน์และนางธิดารัตน์แม่ของเด็กซื้อตั๋วรถไปที่จังหวัดไหน เพราะหลังจากนั้นไม่ได้ติดต่อกันเลย
ซึ่งจากการรวบรวมพยานหลักฐานแวดล้อม ทำให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่านายสุวิชาญมีส่วนรู้เห็นช่วงที่เด็กถูกทำร้ายด้วย เพราะช่วงเวลาที่เด็กเสียชีวิตใกล้เคียงกับเวลาที่นายสุวิชาญยังน่าจะอยู่ในห้องพัก และมีส่วนสนับสนุนให้นายจิรันตน์หลบหนี
จึงได้นำพยานหลักฐานไปขอให้ศาลจังหวัดอุบลราชธานีออกหมายจับนายสุวิชาญ ที่ จ.123/2560 ลงวันที่ 7 พ.ค. 2560 และออกหมายจับนายจิรันตน์ ที่ จ.122/2560 ข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
เบื้องต้นนายสุวิชาญให้การปฏิเสธ จึงคุมตัวเข้าห้องควบคุม พร้อมกระจายหมายจับตัวนายจิรันตน์ไปยังแหล่งที่คาดว่านายจิรันตน์กับนางธิดารัตน์ สมบูรณ์ มารดา ด.ช.ระพีภัทร ที่เสียชีวิตไปหลบซ่อนอยู่ในต่างจังหวัด
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าตรวจหอพักยังพบหนังสือกฎหมายที่นายสุวิชาญทำไฮไลต์ตรงมาตรา 189 ซึ่งกล่าวถึงการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งนายสุวิชาญอ้างว่าอยู่ระหว่างเรียนคณะนิติศาสตร์กับมหาวิทยาลัยทางไกลแห่งหนึ่ง จึงนำออกมาอ่านเตรียมสอบด้วย