ช้ำหนัก ชาวสวนยางชัยภูมิโอดราคาตกต่ำต่อเนื่อง จำใจแห่โค่นทิ้งหันทำอาชีพอื่น (ชมคลิป)

ชัยภูมิ - ช้ำหนัก ชาวสวนยางชัยภูมิโอดราคาตกต่ำต่อเนื่อง 3 ปี ซ้ำเจอภัยแล้งแบกรับหนี้สิน สุดทนจำใจโค่นต้นยางทิ้งเพื่อหันไปประกอบอาชีพอื่น หลายรายขึ้นป้ายประกาศขายทิ้งยกสวนแต่ไร้คนซื้อ ขณะลูกจ้างกรีดยางเมินเหตุราคายางต่ำได้ส่วนแบ่งไม่คุ้มค่าแรง



วันนี้ (8 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวสวนยางพารา จ.ชัยภูมิ ที่ลงทุนปลูกมานานกว่า 10 ปี พากันประสบปัญหาภัยแล้งและราคายางตกต่ำอย่างหนักตลอดช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดสถานการณ์ราคายางพารายังคงตกต่ำต่อเนื่อง ชาวสวนยางภาคอีสานโดยเฉพาะ จ.ชัยภูมิ ต่างเดือดร้อนรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย รถถูกยึด ต้องแบกรับภาระหนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบ ไม่มีเงินชำระหนี้ ธ.ก.ส. และเงินกู้ยืมกองทุนหมู่บ้าน หลายคนยอมจำใจตัดโค่นต้นยางพาราทิ้งเพื่อหันไปทำการเกษตรประเภทอื่นแทน

นายจรัล จำปางาม อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 5 ต.ท่ามะไฟหวาน อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ กำลังเฝ้าดูคนงานทำการตัดโค่นต้นยางพาราในสวนเนื้อที่กว่า 15 ไร่ เพื่อขายให้พ่อค้าที่มารอรับซื้อไม้ต้นยางถึงในสวน ซึ่งจำใจต้องตัดขายทิ้งถึงแม้กำลังให้ผลผลิต และยังมีสภาพสมบูรณ์ สามารถกรีดน้ำยางขายได้อีกนานหลายปี

นายจรัลกล่าวว่า เหตุต้องตัดสินใจโค่นทิ้งต้นยางทั้งหมดในครั้งนี้เนื่องจากประสบปัญหาทั้งภัยแล้ง ขาดแคลนแรงงานกรีดยางพารา เพราะราคาตกต่ำจนไม่มีคนงานมารับจ้างกรีดยางเนื่องจากไม่คุ้มค่าแรงจากการแบ่งสัดส่วนกับเจ้าของสวน ซึ่งตนมีสวนยางพาราอยู่ทั้งหมด 2 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 30 ไร่ เริ่มทยอยตัดทิ้งเพื่อหันไปทำอาชีพอื่นแทนทั้งหมด โดยเมื่อเกือบ 10 ปีให้หลังในขณะนั้นราคายางพาราสูงมาก ตนจึงตัดสินใจปลูกจำนวนมาก และในขณะนี้ต้นยางกำลังเริ่มกรีดได้ แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาราคายางพาราตกต่ำหนักต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับเจ้าของสวนยางพารารายอื่นๆ อีกจำนวนมากในพื้นที่ อ.แก้งคร้อ อ.เมือง ชัยภูมิ ต่างเริ่มพากันตัดสินใจโค่นต้นยางพาราทิ้งทั้งหมด เพราะราคายางที่เป็นอยู่ในขณะนี้ตกต่ำเป็นอย่างมาก กรีดไปก็เหนื่อยเปล่า ไม่คุ้มทุน และไม่มีคนงานรับจ้างกรีด

นอกจากนี้ยังพบว่ามีเจ้าของสวนยางพาราหลายแปลงได้ขึ้นป้ายประกาศขายสวนยางทิ้งแต่ยังไม่มีคนซื้อ และหลายรายประกาศรับสมัครหาลูกจ้างกรีดยางพาราใหม่ หลังลูกจ้างเก่าลาออกไปหางานอื่นทำ โดยขึ้นป้ายประกาศให้ส่วนแบ่งจากการกรีดเพิ่มขึ้น จากเดิม 35-40% ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 45-50% เพื่อดึงดูดใจลูกจ้าง แต่ปรากฏว่ายังหาลูกจ้างกรีดยางไม่ได้เช่นเดียวกัน

ขณะที่ นายทองลี เหลาสา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 175 หมู่ที่ 6 ต.ซับสีทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เจ้าของสวนยางพาราอีกราย กล่าวว่า ปลูกยางพาราไว้จำนวน 10 ไร่ และเริ่มกรีดยางมาได้ 3-4 ปีแล้ว ซึ่งยอมรับว่าประสบปัญหายากลำบากมาตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่จำเป็นต้องเก็บต้นยางไว้เพราะที่ดินอยู่ไกลแหล่งน้ำไม่สามารถปลูกพืชอย่างอื่นได้ นอกจากยางพารากับมันสำปะหลังที่อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก