ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เมืองสปา และหมู่บ้านน้ำพุร้อนเพื่อการท่องเที่ยวปาย ส่อเดือดเกินพิกัด ผู้เกี่ยวข้องยันทำด้วยความปรารถนาดีจริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง พร้อมแจงทุกข้อสงสัย เผยงบมาแล้ว ทำพร้อมกันทั้ง “ออบหลวง-ดอยผ้าห่มปก-ผาแดง-โป่งสามัคคี-แจ้ซ้อน”
ความคืบหน้ากรณีผู้นำชุมชน ต.แม่ฮี้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ยื่นหนังสือคัดค้านโครงการเมืองสปาและหมู่บ้านน้ำพุร้อนเพื่อการท่องเที่ยว อ.ปาย เพราะเคลือบแคลงว่า เอื้อผลประโยชน์นักธุรกิจต่างถิ่นเข้ามาแย่งชิงทรัพยากร และเตรียมตัวยกระดับการคัดค้านต่อไปนั้น
แหล่งข่าวจากกรมอุทยานแห่งชาติ เปิดเผยว่า โครงการฯนี้เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากหน่วยงานกลุ่มยุทธศาสตร์ 4 จังหวัดภาคเหนือ (เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน) สำนักบริหารที่ 16 เชียงใหม่ กรมอุทยานแห่งชาติ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโครงการของทางราชการที่คิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ราชการ เพื่อพัฒนาศักยภาพทางการท่องเที่ยว และใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าไม่ให้สูญเปล่า โดยไม่ได้อิงแอบกับเอกชนแต่อย่างใด
โดยเขียนโครงการวางแผนไว้ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และผ่านงบประมาณปี 2560 จึงได้ดำเนินการในปีนี้ ซึ่งที่ผ่านมา มีการชี้แจงต่อชาวบ้านท่าปาย และโป่งร้อน เจ้าของพื้นที่ไปแล้วรอบหนึ่ง เมื่อประมาณกลางเดือนมกราคม 60 จนผ่านมาถึงขั้นตอนการจัดอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเมื่อวันที่ 1-2 พ.ค.ที่ผ่านมา ณ โรงแรมเบลล์วิลล่า และกระทั่งมีข่าวการคัดค้านโครงการออกมาจากกลุ่มผู้นำชุมชน และชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วย
ทางผู้ดำเนินการโครงการจึงใคร่เรียนชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน เพราะที่ผ่านมา ด้วยเวลาดำเนินการที่กระชั้นชิด ทำให้ขาดตกบกพร่องไปในส่วนของการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจต่อชาวบ้านในชุมชนถึงที่มาที่ไปของโครงการนี้ จนเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่ามีการแอบแฝงผลประโยชน์จากนักธุรกิจบางกลุ่ม ตามความเคลือบแคลงสงสัยของชาวบ้าน
แหล่งข่าวจากกรมอุทยาน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาเพื่อยกระดับการให้บริการของแหล่งน้ำพุร้อนต่างๆ ในเขตอุทยานทั่วภาคเหนือ ซึ่งนอกจากโครงการที่ อ.ปาย แล้ว ยังมีโครงการแบบเดียวกันนี้ที่ออบหลวง จ.เชียงใหม่ ดอยผ้าห่มปก (อ.ฝาง จ.เชียงใหม่) ผาแดง (เชียงดาว จ.เชียงใหม่) แจ้ซ้อน จ.ลำปาง และที่โป่งสามัคคี อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยที่โป่งสามัคคีนี้เป็นพื้นที่พิเศษที่อยู่นอกเขตอุทยาน ดำเนินการโดยชุมชน และ เทศบาล ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด
“โครงการทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้งบประมาณเดียวกัน มีระยะเวลาดำเนินการใกล้เคียงกัน จะเห็นได้ว่าโดยแท้จริงแล้ว โครงการนี้เป็นโครงการที่จัดทำโดยหน่วยงานของราชการอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นการเข้ามาลงทุนในพื้นที่อุทยานโดยบริษัทเอกชนแต่อย่างใด”
สาเหตุที่ได้เกิดโครงการพิเศษนี้ขึ้นมาเพราะต้องการยกระดับการให้บริการทัดเทียมกับการให้บริการบ่อน้ำพุร้อนในระดับนานาชาติ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ เพราะโดยปกติแล้วการเข้าไปใช้บริการบ่อน้ำพุร้อนของทางอุทยานฯ ส่วนใหญ่ก็แค่ไปนั่งแช่ หรือต้มไข่ ซึ่งสร้างรายได้ไม่มากเท่าใดนัก
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้โครงการนี้เกิดขึ้นมา ในส่วนของการให้บริการแบบเดิมก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม ไม่ได้ไปรบกวนการให้บริการแบบเดิมแต่อย่างใด โครงการที่จะเกิดใหม่นี้เปิดให้บริการแยกส่วนออกไป และใช้น้ำพุร้อนจากอีกแหล่งใกล้เคียงกัน ซึ่งจะไม่มีการแย่งแบ่งน้ำพุร้อนจากแหล่งเดิมไปเลย และจะไม่มีการขุดบ่อเพื่อสูบน้ำร้อนมาเพิ่มทำให้ความดันน้ำเปลี่ยนด้วย
เพราะในแหล่งน้ำใหม่นี้มีน้ำพุร้อนผุดขึ้นมาจำนวนมาก เพียงพอต่อการให้บริการต่อวันแน่นอน ซึ่งจากการตรวจวัดล่าสุดในฤดูกาลที่น้ำพุร้อนออกมาน้อยที่สุด ก็ตรวจวัดได้ถึง 20 ลิตร ต่อ 7 วินาที ประมาณการได้ถึง 240,000 ลิตรต่อวัน ขณะที่การให้บริการจะใช้สูงสุดแค่วันละ 10,000 ลิตรต่อวันเท่านั้น โดยจะมีการพิสูจน์ ณ แหล่งน้ำพุร้อน เพื่อแสดงให้ชาวบ้าน และผู้นำชุมชนต่างๆ ได้เห็นความเป็นจริงต่อไป
ส่วนการให้บริการนั้น นอกจากในเรื่องของการแช่น้ำร้อนแล้ว ยังจะมีบริการสปา นวด อาหาร และที่พักอีกด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ และตามหลักการที่วางไว้ คือ รูปแบบการบริหารงานจะเป็นรูปแบบของสหกรณ์ชุมชน เปิดโอกาสให้สมาชิกในชุมชนเข้ามาซื้อหุ้น และการคัดเลือกคนทำงานก็จะคัดเลือกจากบุคลากรในชุมชนก่อน คล้ายรัฐวิสาหกิจชุมชน ทั้งในรูปแบบของการบริหารงาน และการใช้น้ำพุร้อน ซึ่งยืนยันว่ามาจากคนละบ่อ และมีพอใช้แน่นอน พร้อมที่จะทำการพิสูจน์ให้เห็นทุกเมื่อ
และในส่วนของชาวบ้านในชุมชน ถ้าต้องการที่จะเปิดบ้านให้บริการแบบโฮมสเตย์ให้ลูกค้าเข้ามาพัก และมีทั้งการให้บริการแช่น้ำร้อน นวด หรือสปา ทางโครงการก็ยินดีที่จะให้ความรู้ ให้คำแนะนำ
“โครงการดำเนินการขึ้นมาเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนโดยเฉพาะจริงๆ แต่ด้วยความเร่งรีบทำให้ทำความเข้าใจต่อชุมชนน้อยเกินไป ไม่ได้นำเสนอข้อมูลทั้งหมดเพื่อความกระจ่างชัดตั้งแต่ทีแรก ซึ่งต้องขออภัยต่อพี่น้องที่เข้าใจไม่ตรงกันเพราะด้วยความบกพร่องในการสื่อสารของโครงการเอง”
แหล่งข่าวยังได้เปิดเผยต่อไปอีกว่า ทางอุทยาน ยินดีที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมตอบปัญหาในทุกประเด็นเพื่อความชัดเจน และโปร่งใส เพราะโครงการนี้เป็นโครงการของทางราชการที่ต้องตรวจสอบได้ จึงอยากจะขอชี้แจงทำความเข้าใจต่อชาวบ้าน และผู้นำชุมชน เพื่อความเข้าใจอันดีต่อกัน เพื่อผลประโยชน์ของชุมชน และการท่องเที่ยวโดยรวมของ อ.ปาย ในอนาคต
แม้ในท้ายสุด ถ้าทางชุมชนได้รับฟังเหตุผลแล้ว ก็แล้วแต่ทางชุมชนจะตัดสินใจว่าจะให้ดำเนินการต่อไปหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับทางชุมชน พวกตนเป็นส่วนของทางราชการ ก็ต้องน้อมรับการตัดสินใจของชาวบ้านอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนนี้กำลังประสานไปยังทางอำเภอเพื่อให้มีการจัดทำเวทีประชาพิจารณ์ เพื่อทำความเข้าใจต่อชาวชุมชน และพี่น้องอำเภอปาย
“ทางอุทยานพร้อมจะชี้แจงในทุกข้อประเด็นเคลือบแคลง หรือสงสัย ขณะนี้รอคำตอบจากทางอำเภอว่าจะสะดวกเมื่อใด ทางอุทยานก็พร้อมจะไปชี้แจงทันที”
ในส่วนของทางด้านผู้นำชุมชนที่ดำเนินการคัดค้าน ล่าสุด ได้มีการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นต่อนายอำเภอปาย เพื่อเป็นการแสดงพลังในการคัดค้านต่อไป โดยมีกำหนดจะยื่นในวันที่ทางอำเภอจัดเวทีประชาพิจารณ์ประเด็นโครางการเมืองสปา และหมู่บ้านน้ำพุร้อนเพื่อการท่องเที่ยว ในเร็ววันนี้
ด้านผู้คัดค้านก็ให้ความเห็นว่า การเข้ามาของโครงการนี้ที่ทำให้ชาวบ้านพร้อมใจกันคัดค้าน เพราะมีสิ่งที่น่าระแวงก็คือ การเข้ามาพร้อมกับนักธุรกิจ และมีนักธุรกิจต่างถิ่นบางคนกำลังจะเปิดสปาใหญ่โตในตัวอำเภอปายด้วย จึงทำให้คิดว่ามีส่วนเอื้อประโยชน์ หรือสมประโยชน์กันอย่างใดหรือไม่ เพราะเห็นนักธุรกิจรายนี้กับทางโครงการมีการเคลื่อนไหวด้วยกันตลอด ส่วนในการชี้แจงของทางอุทยานทาง เราก็พร้อมที่จะรับฟังทุกเมื่อ เพราะก็อยากจะรู้เต็มทีแล้วว่าโครงการนี้เป็นอย่างไรเช่นกัน