ร้อยเอ็ด - เจ้าของรถตู้ยอมจ่ายค่าปรับแทน 2 ผัวเมียรุมตีพระหนุ่ม อ้างหลังเกิดเหตุสั่งพักรถแล้วหาตัวไม่เจอ เผยอยากพบพระต้นเหตุเพื่อกราบขอขมา ในขณะที่ขนส่งปรามหากเกิดเหตุกับผู้โดยสารซ้ำอีกต้องเพิกถอนใบประกอบการขนส่ง
ความคืบหน้ากรณีที่รถตู้ 2 สามีภรรยา ทำร้ายร่างกายพระภิกษุสงฆ์ตามคลิปที่แชร์ว่อนโลกโซเชียล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่สถานีขนส่ง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด
ล่าสุด เมื่อ 10.00 น.วันนี้ (5 พ.ค.) พ.ต.อ.พันธุ์ศักดิ์ อุปพงศ์ ผกก.สภ.โพนทอง พร้อมด้วย พตท.ภิไชย จันทะวงษ์ รอง ผกก.หน.งานสอบสวน เดินทางเข้าพบ นายกฤตภาส มุกดาประเสริฐ ขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ห้องทำงานสำนักงานขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อรับทราบข้อเท็จจริง และรับเอกสารบันทึกปากคำ นายพัลลภ ประเสริฐ คนขับรถตู้ และนางสาวิตตรี ศรีสมบัติ ภรรยา เพื่อใช้ประกอบสำนวนดำเนินคดีต่อผู้ก่อเหตุ
พ.ต.อ.พันธุ์ศักดิ์ อุปพงศ์ ผกก.สภ.โพนทอง กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้จะไม่ได้มีการแจ้งความจากทั้ง 2 ฝ่าย ก็ถือว่าทำผิดกฎหมายตามกฎหมายอาญา ในข้อหาทำร้ายร่างกาย และก่อเหตุทะเลาะวิวาทอื้ออึงในที่สาธารณะ ถือเป็นความผิด ซึ่งจะมีการเรียกตัวไปรับทราบข้อกล่าวหา เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงทั้ง 2 สามี ภรรยาที่ก่อเหตุ รวมทั้งพระสงฆ์รูปดังกล่าวในภาพที่ร่วมก่อเหตุทะเลาะวิวาท
โดยได้นำคลิปบันทึกเหตุการณ์ไปสอบถามเจ้าคณะอำเภอโพนทองแล้ว ว่า พระรูปดังกล่าวถือว่าไม่สำรวม ผิดวินัยสงฆ์ข้อปาจิตตี ข้อ 74 และ 75 ซึ่งจะมีการออกหมายเรียกพระรูปดังกล่าวทราบชื่อภายหลังคือ พระชูมิตร อภิชชาโว อายุ 42 ปี จำวัดอยู่ที่วัดสุธรรมาราม ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร มาพบเพื่อดำเนินคดีร่วมก่อเหตุทำเลาะวิวาทต่อไป ซึ่งหากไม่มาพบก็อาจจะต้องออกหมายจับ
ต่อมา เมื่อเวลา 16.00 น.วันเดียวกัน นายไพศาล แก้ววิเศษ อายุ 42 ปี ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บ.ร้อยเอ็ด-เสลภูมิขนส่ง จำกัด ผู้ประกอบการขนส่งรถตู้ สาย 269-6 ร้อยเอ็ด-ดอนตาล (จ.มุกดาหาร) เดินทางเข้าพบ นายกฤตภาส มุกดาประเสริฐ ขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ห้องทำงานสำนักงานขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมกับนำเงินค่าปรับ 50,000 บาท มาเสียค่าปรับให้แก่เจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ด ตามความผิดไม่ควบคุมการเดินรถของรถร่วมให้เป็นไปตามข้อกำหนดของขนส่ง เป็นเงิน 40,000 บาท
ส่วนอีก 10,000 บาท เป็นค่าปรับตามความผิดของคนขับรถ และภรรยา ที่ทำผิดระเบียบของกรมการขนส่ง และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้โดยสารที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ ปรับคนละ 5,000 บาท เพื่อยุติเรื่องราวดังกล่าว
นายไพศาล กล่าวว่า เหตุที่ตนมาเพียงลำพัง และต้องจ่ายค่าปรับให้แก่ผู้ก่อเหตุทั้งคู่เนื่องจาก หลังจากทำความผิด และตนสั่งพักการเดินรถ 30 วันเพื่อลงโทษ ปรากฏว่า ทั้งคู่หายตัวไป ตนพยายามติดต่อให้มาเสียค่าปรับของทั้งคู่ด้วยตนเอง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงจำต้องมาจ่ายค่าปรับให้เพื่อยุติปัญหา และหลังจากครบกำหนดหากรถคันนี้จะเข้าร่วมเดินรถอีก จะนำตัวคนขับรถรายนี้มาพบเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัด เพราะต้องมีการอบรมด้านมารยาท และระเบียบใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก
ส่วนผู้หญิงที่เป็นคนก่อเหตุอีกคนก็จะห้ามขึ้นรถทำหน้าที่เจ้าหน้าที่ประจำรถ หรือมาทำหน้าที่เก็บเงินค่าโดยสารบนรถอีก และยืนยันว่าสาเหตุของเรื่องไม่ได้เกิดจากการเก็บค่าโดยสารกินกำหนด แต่เหตุเพราะทะเลาะกันเรื่องพระภิกษุสงฆ์ ถ่มน้ำลายในรถก่อนจะเกิดการทะเลาะวิวาท จนกระทั่งไล่ผู้โดยสารลงจากรถจนเกิดเรื่องขึ้น แต่ทั้งนี้ ตนไม่ติดใจเอาความพระรูปดังกล่าว แต่ต้องการที่จะกราบขอขมามากกว่า
ด้าน นายกฤตภาส มุกดาประเสริฐ ขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนของผู้ประกอบการขออนุญาตเดินรถที่ต้องมีกฎระเบียบเข้มงวด ในส่วนของรถร่วมที่จะต้องไม่ทำผิดระเบียบ และทำให้เกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร ครั้งนี้จะเป็นพียงแค่การตักเตือน และปรับตามระเบียบ
แต่หากพบว่ายังมีการปล่อยปละละเลยให้เกิดการกระทำความผิดลักษณะเช่นเดียวกันนี้อีก อาจจะต้องมีการลงโทษหนักกว่านี้ ถึงขั้นถอนใบอนุญาตประกอบการขนส่งได้ ซึ่งได้เตือนให้ผู้ขออนุญาตประกอบการต้องมีมาตรการ การควบคุมผู้เข้าร่วมกิจการเดินรถที่ดีกว่านื้ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจจะนำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาตได้