ร้อยเอ็ด - ขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ด ลงดาบรถตู้ร้อยเอ็ด-ดอนตาล หลังก่อเหตุรุมทำร้ายพระที่สถานีขนส่งโพนทองคนขับปรับ 5,000 บาท ส่วนภรรยาอีก 5,000 บาท พร้อมจับอบรมมารยาทงานบริการ ด้านผู้ประกอบการเดินรถถูกปรับอีก 40,000 บาท ส่วนข้อหาเก็บค่าโดยสารเกินราคา รอสอบพระหากผิดจริงปรับรถตู้อีก 20,000 บาท
จากเหตุการณ์รถตู้โดยสารสายร้อยเอ็ด-มุกดาหาร หมายเลขทะเบียน 10-0855 มุกดาหาร หมายเลขข้างรถ 269-6 รถร่วมโดยสารของบริษัท ร้อยเอ็ด-เสลภูมิ ขนส่ง จำกัด ทำร้ายร่างกายผู้โดยสารซึ่งเป็นพระภิกษุสงฆ์ เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด หลังมีปากเสียงกันก่อนที่จะทะเลาะกันระหว่างคนขับรถตู้กับพระภิกษุ เพื่อเตรียมดำเนินการเรียกมาดำเนินการตามระเบียบของขนส่ง ตามความผิดที่เกิดขึ้นทั้งกับผู้ก่อเหตุ และบริษัทเดินรถตามคความผิดตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ล่าสุดวันนี้ (4 พ.ค. ) นายกฤตภาส มุกดาประเสริฐ ขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ด เรียกนายสุวิทย์ แฝพิมาย นักวิชาการขนส่งปฏิบัติการ เข้าประชุมหาข้อสรุปการดำเนินการตามกฎหมายกับกรณีคนขับรถตู้ทำร้ายร่างกายผู้โดยสารซึ่งเป็นพระภิกษุสงฆ์ เพื่อดำเนินการตามระเบียบของขนส่ง ตามความผิดที่เกิดขึ้นทั้งกับผู้ก่อเหตุ และบริษัทเดินรถตามความผิดที่กฎหมายกำหนด
นายกฤตภาส มุกดาประเสริฐ ขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2560 เวลา 15.00 น.ที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร อ.โพนทอง ซึ่งเหตุของการทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย ข้อมูลที่ได้เบื้องต้นวันนั้นเกิดจากมีพระสงฆ์รูปหนึ่งขึ้นรถตู้โดยสารเดินทางจากสถานีขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ดจะเดินทางไปลงที่ อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ปรากฏว่ารถตู้เก็บค่าโดยสารเกินราคาจากปกติ 75 บาท เป็น 100 บาท
ทำให้พระภิกษุรูปดังกล่าวเกิดความไม่พอใจที่รถตู้เก็บค่าโดยสารเกินราคาจึงเกิดมีปากเสียงและฝ่ายคนขับรถตู้จึงไล่พระรูปดังกล่าวลงจากรถที่สถานีขนส่ง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด และยังมีปากเสียงกันต่อ จนเป็นเหตุให้คนขับรถตู้ทำร้ายร่างกายพระ
คดีดังกล่าวต่างฝ่ายต่างไม่แจ้งความดำเนินคดีกัน หลังเกิดเหตุตนได้ให้นายสุวิทย์ แฝพิมาย นักวิชาการขนส่งปฏิบัติการ เรียกตัวผู้ก่อเหตุฝ่ายรถตู้ คือ นายพัลลภ ประเสริฐ คนขับรถ และนางสาวิตตรี ศรีสมบัติ ภรรยา ที่ก่อเหตุมาพบและรายงานตัวชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมกับแจ้งความผิดไปแล้ว
เบื้องต้นนายพัลลภ ประเสริฐ คนขับรถมีความผิดตามมาตรา 102 ควบ 127 แสดงกิริยามารยาทและพฤติกรรมไม่สุภาพ ดูหมิ่นก้าวร้าว มีโทษตามความผิดคือปรับ 5,000 บาท
ส่วนนางสาวิตตรี ศรีสมบัติ ภรรยา ที่ก่อเหตุมีความผิดตามมาตรา 93 วรรค 1 ประกอบมาตรา 151 ในความผิดฐานไม่มีใบอนุญาตให้เป็นผู้ประจำรถ และมาปฏิบัติหน้าที่เก็บค่าโดยสารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดโทษปรับ 5,000 บาท แต่ทั้งคู่ยังไม่มีค่าปรับ ขอเดินทางกลับไปหาเงินมาเสียค่าปรับ และจะถึงกำหนดนัดให้มาเสียค่าปรับวันที่ 5 พ.ค.นี้
ทั้งจะเรียกตัวผู้ขออนุญาตประกอบการขออนุญาตเดินรถขนส่ง คือ บริษัท ร้อยเอ็ด-เสลภูมิ ขนส่ง จำกัด มาเสียค่าปรับพร้อมกันในวันที่ 5 พ.ค. 2560 โดยเจ้าของบริษัทต้องเสียค่าปรับ 40,000 บาท ในฐานะผู้ประกอบการที่ปล่อยปละละเลยให้รถร่วมกระทำความผิด ไม่เป็นไปตามที่กำหนด
พร้อมกันนั้นสั่งการให้บริษัทสั่งพักการเดินรถคันดังกล่าวเป็นเวลา 1 เดือน และให้คนขับรถตู้และภรรยามาเข้ารับการอบรมกิริยามารยาท ระเบียบการปฏิบัติหน้าที่ โดยฝ่ายหญิงต้องทำใบอนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วย
ส่วนกรณีที่หากพบว่ามีการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินราคาจะเข้าข่ายความผิดมาตรา 159 มีโทษปรับ 20,000 บาท ซึ่งจะต้องสอบสวนข้อเท็จจริงจากปากคำฝ่ายพระสงฆ์ก่อน หากยืนยันว่ามีการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินจริงจึงจะดำเนินการเอาผิดต่อไป