ศูนย์ข่าวศรีราชา - กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ สำหรับเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา หลังแท็กซี่ปิดล้อมเก๋งส่วนบุคคลกลางเมืองพัทยา เพราะคิดว่าเป็นอูเบอร์ ด้านตำรวจชี้ปัญหา “อูเบอร์” ผิดกฎหมายต้องดำเนินการตามขั้นตอน ขณะที่การปิดล้อมคู่กรณีเข้าข่ายความผิดอาญา วอนผู้ประกอบการแจ้งเบาะแสแทนการลงมือกระทำ
จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวที่มีกลุ่มผู้ประกอบการรถสหกรณ์แท็กซี่ บ.โลมาพัทยา จำกัด กว่า 20 คัน ขับรถไล่ล่าหญิงไทย ซึ่งขับรถยนต์ส่วนบุคคลในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ด้วยเข้าใจว่าเป็นผู้ประกอบการในสังกัด “อูเบอร์” หลังรับผู้โดยสารชาวต่างชาติจากบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล มารีน่า ถ.พัทยาสายสอง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
แต่สุดท้ายพบว่าเป็นเพียงการเข้าใจผิด เพราะแท้จริงแล้วหญิงคนดังกล่าวเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่รับนักท่องเที่ยวชาวจีนไปดูสถานที่ห้องชุดในเขตเมืองพัทยา จ.ชลบุรี กระทั่งสุดท้ายมีการเจราจรยอมความตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นเรื่องทีมีการพูดถึงกันมากถึงการกระทำที่เกินไปหรือเปล่า สำหรับเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างพัทยา ซึ่งภาพที่ออกมาจากคลิปที่การเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ นั้น สวนกระแสการเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับต้นของของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวหลายฝายออกมาพูดกันว่า มันต้องแยกให้ออกระหว่างภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว กับการดำเนินการของ “อูเบอร์” ซึ่งผู้ที่ถือกฎหมายจะต้องเข้ามาดำเนินการก่อนปัญหาจะลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้
กรณีดังกล่าว พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า เรื่องนี้ถือเป็นความเข้าใจผิด และมีการเจรจาทำความเข้าใจกันไปแล้ว อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวของกลุ่มผู้ประกอบการแท็กซี่ถือว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และหากผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีก็จะถือว่าเข้าข่ายความผิดทางอาญา กรณีกักขังหน่วงเหนี่ยวอิสรภาพได้ จึงอยากวอนให้ผู้ประกอบการตั้งสติ และหากพบเห็นการกระทำดังกล่าวก็ให้ประสานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย แทนที่จะลงมือกระทำเอง
สำหรับปัญหารถ “อูเบอร์” นั้น ถือว่าเป็นการประกอบการที่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ฐานใช้รถยนต์ผิดประเภทตามที่จดทะเบียนไว้ นอกจากนี้ ยังมีความผิดฐานไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามที่ราชการกำหนด ผู้ขับรถไม่มี่ใบขับขี่สาธารณะ และไม่เข้าสู่ระบบทะเบียนของศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะ
กรณีนี้ได้รับการประสานงานกรมขนส่งทางบก ให้ดำเนินการกวดขันจับกุมอย่างจริงจัง ซึ่งในส่วนของพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ก็ได้มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราเปรียบเทียบปรับสูงสุด 2,000 บาท จึงอยากให้ประชาชนให้ความร่วมมือในการเลือกใช้บริการรถแท็กซี่ที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย อย่างไรก็ตาม ในเวลา 10.00 น.ของวันที่ 5 พ.ค.นี้ จะมีการเรียกประชุมร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการเพื่อหารือ และหาแนวทางแก้ไขที่ชัดเจนต่อไป
ขณะที่ นายอรรถการ ธีระวิทย์ อายุ 58 ปี ผู้ประกอบการรถสหกรณ์แท็กซี่โลมาพัทยา กล่าวว่าสำหรับปัญหาเรื่องนี้ถือว่าส่งผลกระทบต่อการทำกินของผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก เนื่องจากกลุ่มรถ “อูเบอร์” เหล่านี้ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายในการลงทุนแต่อย่างใด
ขณะที่ผู้ประกอบการรายหนึ่งต้องแบกรับค่าใช้จ่ายถึงกว่า 900,000 แสนบาทต่อคน ทั้งการผ่อนดาวน์รถ ค่าเช่ารายวัน รายเดือน และภาษี ขณะที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจำนวนมากกว่า 600 คันซึ่งก็ต้องแข่งขันกันอยู่แล้ว แต่พอมีกลุ่มคนกลุ่มนี้ซึ่งรู้จักกันดีในกลุ่มนักท่องเที่ยวมาให้บริการแข่งขันด้วยก็ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
โดยกลุ่มอูเบอร์นี้จะให้บริการที่แตกต่างจากรถสหกรณ์ที่ถูกต้องคือ สามารถไปรับผู้โดยสารถึงจุดนัดหมาย ไม่ต้องมีจุดจอดรับส่งเหมือนผู้ประกอบการที่จดทะเบียนถูกต้อง ที่สำคัญหลังผู้ขับขี่รถอูเบอร์ถูกจับกุมก็สามารถนำใบเสร็จการเปรียบเทียบปรับส่งไปเคลมกับทางต้นสังกัดก็จะได้รับเงินคืน 2 เท่าจากเงินที่สูญเสียไป ทำให้กลุ่มผู้ขับขี่รถอูเบอร์ไม่ได้เกรงกลัวการดำเนินคดีตามกฎหมายมากนัก
ด้าน พล.ต.ต.พินิจ มณีรัตน์ โฆษกเมืองพัทยา กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นคงไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องระหว่างกลุ่มบุคคล สำหรับเมืองพัทยาแล้วที่ผ่านมาก็ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมการขนส่งทางบก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และทหาร ในการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะมาอย่างต่อเนื่อง แต่จากนี้คงจะมีการเน้นด้านประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่สังคมในการเลือกใช้บริการรถโดยสารที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย