บุรีรัมย์ - ไปรษณีย์บุรีรัมย์เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังแม่หนุ่มนักศึกษา ม.อุบลฯ ร้องไปรษณีย์หนองหงส์ส่งจดหมายที่เป็นเอกสารการยื่นขอรับทุนล่าช้าเกือบครึ่งเดือน ทำให้ลูกชายเสียโอกาสรับทุนเรียนต่อเพราะเลยเวลากำหนด ล่าสุดแม่เผยไม่ติดใจเอาเรื่อง แต่อยากให้เป็นกรณีตัวอย่างความเสียหายที่เกิดจากความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์
จากกรณีที่นางสุชาดา พรมทา อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 ม.2 บ้านหนองจิก ต.สระแก้ว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านโลกออนไลน์ โดยกล่าวหาทางไปรษณีย์สาขาอำเภอหนองหงส์ส่งจดหมายที่เป็นเอกสารเกี่ยวกับการยื่นขอรับทุนเรียนล่าช้า เป็นเวลานานเกือบครึ่งเดือน ทำให้นายสุชัย พรมทา อายุ 19 ปี ลูกชายที่กำลังจะไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ต้องเสียโอกาสได้รับทุนการศึกษาเพราะเลยเวลาที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด
นางสุชาดาเล่าว่า ลูกชายเพิ่งจะสมัครเข้าเรียนคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปี 1 ซึ่งลูกชายอยู่ในกลุ่มโควตาผู้มีความสามารถพิเศษและกลุ่มโควตาส่งเสริมผู้มีคุณธรรม จริยธรรม บำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือสังคม แต่ระหว่างที่รอเอกสารจากทางมหาวิทยาลัยฯ เพื่อกรอกข้อมูลขอรับทุนเรียนอยู่นั้น กระทั่งวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมาได้มีบุรุษไปรษณีย์นำเอกสารมาส่งที่บ้าน
พอตนเปิดดูถึงกับเข่าอ่อน เมื่อพบหนังสือกรอกขอคำร้อง และเอกสารชี้แจงของมหาวิทยาลัยฯ ระบุให้ไปยื่นขอรับทุนการศึกษา ในระหว่างวันที่ 15 มี.ค.-28 เม.ย. 60
แต่วันที่บุรุษไปรษณีย์นำจดหมายมาส่งก็เลยกำหนดยื่นคำร้องไปแล้ว เมื่อสอบถามไปทางมหาวิทยาลัยฯ ก็ได้รับคำตอบว่าได้จัดส่งจดหมายมาก่อนวันที่ 15 มี.ค. 60
จากกรณีดังกล่าวทำให้ลูกชายต้องเสียโอกาสที่จะยื่นขอรับทุนเรียน ซึ่งหากลูกชายได้ทุนเรียนก็จะแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ถึงเทอมละ 15,000 บาท
ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามไปยังนางสุชาดา ก็ได้รับคำยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง แต่ปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆ เพราะเกรงจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของลูกชายเพราะลูกต้องไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยดังกล่าว เพียงให้ข้อมูลว่าที่ออกมาเผยแพร่ผ่านสังคมออนไลน์เพราะต้องการให้เป็นกรณีตัวอย่างเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ เพราะเอกสารบางอย่างมีความสำคัญมากกับผู้รับ
ดังนั้นจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ทำงานให้รอบคอบและรวดเร็วมากกว่านี้ กรณีที่เกิดขึ้นตนก็ไม่ติดใจเอาเรื่อง ประกอบกับทางไปรษณีย์ก็ได้มาชี้แจงและขอโทษในเรื่องดังกล่าวแล้ว
ขณะที่หัวหน้าไปรษณีย์บุรีรัมย์ก็ปฏิเสธไม่ขอให้สัมภาษณ์เช่นกัน เพียงให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ว่า หลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้ลงพื้นที่พร้อมกับหัวหน้าไปรษณีย์สาขาหนองหงส์เพื่อไปสอบถามข้อเท็จจริงที่บ้านผู้ร้องทันที ซึ่งทางผู้ร้องก็ให้ข้อมูลว่าเป็นเรื่องจริง
แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเอกสารที่ทางมหาวิทยาลัยฯ ส่งมาเป็นจดหมายธรรมดาไม่ได้ลงทะเบียน จึงไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าจดหมายมาถึงปลายทางวันไหน และการนำส่งจดหมายผิดพลาดหรือล่าช้าที่ขั้นตอนไหน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะยังตรวจพิสูจน์ไม่ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นผิดพลาดอย่างไร ก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความรอบคอบมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีในลักษณะนี้อีก