อุบลราชธานี/สุรินทร์ - ร้านขายชุดนักเรียนนักศึกษาเมืองอุบลฯ ยังไม่ปรับราคาขึ้น พร้อมจัดโปรโมชันหั่นลง 10% จากราคาป้าย แถมปักชื่อ นามสกุล และอักษรย่อโรงเรียนให้ลูกค้าฟรี ขณะที่ จ.สุรินทร์ ผู้ปกครองลดค่าใช้จ่าย ส่วนใหญ่เลือกซื้อราคาถูกสุดถึงปานกลาง และเน้นซื้อเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น วอนรัฐเพิ่มวงเงินอุดหนุนโครงการเรียนฟรีแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย
บรรยากาศร้านจำหน่ายชุดนักเรียนทั่วประเทศในขณะนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะใกล้เปิดเทอมแล้ว โดยที่ร้านชัยพิพัฒน์ จำหน่ายชุดเครื่องแบบนักเรียนนักศึกษาในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี ผู้ปกครองพาลูกหลานเลือกซื้อชุดนักเรียนนักศึกษาใหม่ โดยปีนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่เลือกซื้อชุดให้ลูกหลานเฉลี่ยคนละ 1-2 ชุด เหมือนทุกปี
ซึ่งนักเรียนแต่ละคนมีค่าใช้จ่ายใช้ซื้อชุดนักเรียนทั้งเสื้อ กางเกง กระโปรง เครื่องหมายลูกเสือ เข็มขัด รองเท้า เฉลี่ยไม่เกิน 1,500 บาทต่อคน
สาเหตุที่ส่วนใหญ่ซื้อชุดนักเรียนค่อนข้างจำกัดนั้น เนื่องจากชุดนักเรียนบางชุดที่ใช้มาตั้งแต่ปีก่อนยังคงอยู่ในสภาพดีสามารถนำกลับมาใช้งานได้ จึงเลือกที่จะประหยัด โดยเอาชุดเก่ามาใช้ผสมกับชุดใหม่ เพราะเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะซบเซา อีกทั้งต้องกันเงินส่วนหนึ่งไว้จ่ายค่าเทอม
นายธีระ จารุกรสกุล ผู้จำหน่ายชุดเครื่องแบบนักเรียนนักศึกษาปีนี้ กล่าวว่า ภาพรวมยอดการจำหน่ายยังคงที่ไม่ลดลง และราคายังเป็นราคาเท่ากับปีก่อนไม่มีการขึ้นราคา เพราะมีคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยเสื้อ กางเกง และกระโปรง นักเรียนนักศึกษามีราคาเฉลี่ยชุดละ 450-600 บาท ตามขนาดของชุด และยังได้รับส่วนลดร้อยละ 10 จากราคาป้ายเพราะเป็นช่วงจัดโปรโมชันรับเปิดเทอม
“ปีนี้ทางร้านได้ให้บริการปักชื่อ นามสกุล อักษรย่อโรงเรียนให้กับนักเรียนที่มาซื้อฟรีทุกตัวด้วย เป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง” นายธีระกล่าว
วอนรัฐเพิ่มวงเงินอุดหนุนโครงการเรียนฟรี
ขณะที่ จ.สุรินทร์ บรรยากาศตามห้างร้านต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ที่จำหน่ายชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนที่มีมากกว่า 50 ร้านก็เป็นไปอย่างคึกคักเช่นกัน โดยหลายโรงเรียนเริ่มเปิดเทอมประมาณวันที่ 8 พ.ค. 60 แต่ก็มีโรงเรียนบางส่วนที่เปิดเทอมระหว่างวันที่ 10-15 พ.ค. 60 นี้
จากการตรวจสอบร้านจำหน่ายชุดนักเรียนพบว่า ราคาชุดนักเรียนในปีนี้ยังไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด โดยราคาเริ่มต้นตั้งแต่ตัวละ 150-300 กว่าบาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และขนาด ซึ่งผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาเลือกซื้อชุดนักเรียนส่วนใหญ่จะซื้อในราคาที่ถูกที่สุด และราคาปานกลาง และหากลูกหลานคนไหนมีชุดเดิมที่ยังพอสวมใส่ได้จะเลือกซื้อเพิ่มเฉพาะที่จำเป็นบางตัวเท่านั้น
ยกเว้นบุตรหลานที่ต้องเลื่อนชั้นจากอนุบาล ขึ้น ป.1 หรือจาก ป.6 ขึ้นชั้นมัธยม ที่ต้องซื้อชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนใหม่ทั้งหมด เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย แม้จะมีเงินอุดหนุนในโครงการเรียนฟรีของรัฐบาล แต่ก็ไม่เพียงพอต่อภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้ปกครองจึงอยากให้ทางรัฐบาลได้เพิ่มวงเงินอุดหนุนในโครงการเรียนจากระดับชั้น ป.1-3 จะได้ค่าชุดนักเรียนเพียง 360 บาท และค่าอุปกรณ์การเรียน 390 บาท อยากให้เพิ่มเป็นอย่างละ 500 บาท เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย
นางศิริพร ทั่วประโคน อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 ม.2 ต.บ้านแร่ อ.เขวาสินทร์ (เขฺวา-สิ-นะ-ริน) จ.สุรินทร์ บอกว่า พาลูก 2 คนมาหาเลือกซื้อชุดนักเรียน โดยจำกัดงบไว้แค่คนละ 1,000 บาท ซื้อเท่าที่จำเป็นเท่านั้น หนี่งชุดประกอบด้วย เสื้อ กางเกง รองเท้า ถุงเท้า และเข็มขัด คนโตเรียน ชั้น ป.5 คนเล็กเรียน ชั้น ป.1
ด้านนางธิดา ชมชื่นชู อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 ม.6 ต.ตระแสง อ.เมือง กล่าวว่า พาลูก 3 คน เรียนชั้น ปวส. ,ม.4 และอีกคนกำลังขึ้น ป.5 เตรียมเงินมา 5,000 บาท ไม่รู้ว่าจะพอหรือไม่ แต่คิดว่าน่าจะพอ เพราะเน้นซื้อเฉพาะเท่าที่จำเป็น หลักๆคือ ซื้อเสื้อ กางเกง และรองเท้านักเรียน ซื้อเพียงคนละหนึ่งชุดเท่านั้นเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
นางวราภรณ์ แซ่เอี้ยว ผู้ประกอบการจำหน่ายชุดนักเรียน ระบุว่า บรรยากาศปีนี้คึกคักนิดหน่อย ขายของพอได้เพราะใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ในพื้นที่ จ.สุรินทร์จะเริ่มเปิดเทอมประมาณวันที่ 8 พ.ค. 60 หรือบางโรงเรียนเปิดเทอมระหว่างวันที่ 10-15 พ.ค. 60 นี้ ทางร้านบริการเหมือนเดิม มีปักเสื้อ มีเสื้อทุกเบอร์ ทุกไซส์ สำหรับราคาชุดนักเรียนปีนี้ยังไม่มีการปรับขึ้น
แต่ยอมรับว่าส่วนใหญ่ผู้ปกครองก็จะเลือกซื้อราคาถูก หรือซื้อเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ทั้งนี้ ทางร้านยังได้มีการจัดโปรโมชันลด แลก แจก แถม เพื่อเป็นการแข่งขันหรือดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการที่ร้านอีกด้วย