กาญจนบุรี - เผยนาทีระทึกไฟไหม้แพสุดหรู “go beyond asi” รับเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ วอด 2 หลังรวด เจ้าหน้าที่ได้แต่นั่งดูเปลวเพลิงลุกไหม้กันตาปริบๆ คาดสูญเกือบ 10 ล้านบาท โชคดีเกิดเหตุก่อนลูกค้าเข้า ทำไร้เจ็บ-ตาย
ร.ต.ท.เกรียงไกร สังขันธ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้แพรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ตรงข้ามเจดีย์พุทธคยา หมู่ 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กลางดึกที่ผ่านมา จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานขอความช่วยเหลือจากเทศบาลตำบลวังกะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำรถบรรทุกน้ำไปช่วยดับเพลิง
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบแพที่กำลังถูกไฟลุกไหม้ลอยอยู่กลางอ่างเก็บน้ำ มองเห็นแสงเปลวเพลิงสว่างโชตช่วงไปทั่วบริเวณ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการช่วยเหลือในการดับเพลิงได้ ทุกคนต่างได้แต่เฝ้ามองเพื่อให้เปลวเพลิงนั้นดับไปเอง จนถึงเช้าของวันนี้ จึงเข้าไปตรวจสอบได้
สำหรับแพที่ถูกไฟไหม้มีทั้งหมด จำนวน 2 หลัง ซึ่งผูกติดกันเอาไว้ ห่างจากฝั่งประมาณ 200 เมตร และระหว่างเพลิงกำลังลุกไหม้อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นมา คาดว่าน่าจะเป็นเสียงระเบิดจากถังแก๊สหุงต้ม จากเสียงของระเบิดนั้นเป็นเหตุทำให้เรือประมงของชาวบ้าน รวมทั้งของเขื่อนวชิราลงกรณ ที่พยายามเข้าไปช่วยดับไฟไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย
จากการสอบถาม นายนคร บุญต่ำ พนักงานของแพพักทราบว่า แพดังกล่าวมีชื่อว่า แพ jysk (เจ.วาย.เอส.เค) เปิดให้บริการมานานกว่า 9 ปี และรับเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น
ส่วนเจ้าของนั้นเป็นชาวต่างชาติ และชาวไทย ซึ่งเป็นนักธุรกิจประกอบการด้านการท่องเที่ยวทั่วทวีปเอเชีย และประเทศไทยที่อยู่ในเครือ go beyond asia โดยแพที่ถูกไฟไหม้ทั้ง 2 หลัง หลังแรกเป็นแพสำหรับทำครัว หลังที่ 2 เป็นแพนอน มีทั้งหมด 8 ห้องนอน แต่ละห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์อย่างดี
นายนคร บุญต่ำ กล่าวต่อว่า ช่วงเย็นของวันที่ 30 เม.ย.พนักงานประจำแพเป็นชาย 1 คน หญิง 4 คน ได้ช่วยกันทำความสะอาดห้องนอนพร้อมทั้งห้องครัว และได้ไปจับจ่ายซื้ออาหาร น้ำ และเครื่องดื่มมาเตรียมเอาไว้ เนื่องจากวันนี้ (1 พ.ค.) จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาใช้บริการ
หลังจากทุกคนทำงานแล้วเสร็จก็ได้ไปพักอยู่ภายในแพหลังที่เป็นแพครัว จนกระทั่งเวลาประมาณ 5 ทุ่มเศษ ก็เห็นกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากแพนอนห้องที่ 4 เมื่อทุกคนเห็นจึงได้พยายามใช้ถังดับเพลิงฉีดสกัด แต่ไม่สามารถดับไฟได้ เนื่องจากขณะนั้นมีกระแสลมแรง เมื่อทุกคนไม่สามารถช่วยกันดับไฟเอาไว้ได้จึงรีบลงจากแพเพื่อเอาตัวรอด จากนั้นก็พบว่าแพทั้ง 2 หลังลอยไปกลางอ่างเก็บน้ำแล้วก็ขาดออกจากกัน
“เท่าที่ทราบพบว่าแพนั้นไม่มีประกันอัคคีภัย เนื่องจากบริษัทประกันไม่ยอมทำประกันให้ ส่วนสาเหตุคงไม่เกี่ยวกับไฟฟ้าลัดวงจรเนื่องจากแพใช้ระบบโซลาร์ เซลล์”
สำหรับความเสียหายคาดว่าประมาณ 10 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องรอให้เจ้าของ รวมทั้งกองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบความเสียหายอีกครั้งหนึ่ง แต่นับว่ายังโชคดีที่นักท่องเที่ยวนั้นมาใช้บริการคนละวันกัน ไม่เช่นนั้นอาจจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตก็เป็นได้
