xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นระทึก คดีสองผัวเมียอ้างเก็บเห็ดแต่ถูกจับรุกป่า ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาพรุ่งนี้ (2 พ.ค.)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาฬสินธุ์ - คดีดังกระฉ่อนเมือง กรณีสองผัวเมียที่กาฬสินธุ์ตกเป็นผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมในข้อหาบุกรุกและตัดไม้ในพื้นที่ป่าดงระแนง ต.คลองขาม และถูกศาลชั้นต้น-ศาลอุทธรณ์ให้ยื่นจำคุก 15 ปี ขณะที่ผู้ต้องหายืนยันมาตลอดว่าแค่เข้าไปเก็บเห็ดเก็บฟืนเท่านั้น ล่าสุดพรุ่งนี้ (2 พ.ค.) ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาในเวลา 09.00 น. ที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์

วันนี้ (1 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์รายงานว่า จากกรณี นายอุดม และ นางแดง ศิริสอน อายุ 48 ปี สองสามีภรรยา หมู่ที่ 4 บ้านโนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าจับกุมและส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันบุกรุก แผ้วถาง ก่อสร้าง ทำไม้ ยึดถือครอบครอง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการกระทำให้เสื่อมสภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต, ทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตรารัฐบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต

คดีนี้ตำรวจ สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ทำการสอบสวนตามพยานหลักฐาน และส่งสำนวนไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ จากนั้นหลังอัยการส่งฟ้อง ศาลชั้นต้นได้นัดพร้อม เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2554 ซึ่งขณะนี้ นายอุดม และนางแดง ศิริสอน สองสามีภรรยา เป็นผู้ต้องหา ได้ให้การรับสารภาพในศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงสั่งลงโทษจำเลยทั้งสองคน โดยไม่มีการสั่งสืบเสาะและพินิจจำเลยตามความผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

แต่เนื่องจากการกระทำเป็นความผิดหลายกรรม เป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ที่ร่วมกันแผ้วถาง ก่นสร้าง ทำไม้ฯ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งมีโทษหนักตามกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 11 ปี และฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 19 ปี รวมจำคุก 30 ปี

แต่จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 15 ปี และริบของกลางทั้งหมดกับให้จำเลยทั้งสองคน คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยทั้งสองออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติที่เข้าไปครอบครองด้วย

ต่อมาหลังทนายผู้ต้องหาประกันตัว ได้ยื่นอุทธรณ์ ภาค 4 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2555 แก้ให้เป็นลงโทษจำคุก 14 ปี 12 เดือน ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้ทนายฎีกาคำสั่งและยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2555 และศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 เวลา 09.00 น.

สำหรับคดีนี้ เนื่องจากเป็นคดีที่สื่อให้ความสนใจและมีการนำเสนอข่าวอย่างกว้างขวางนั้น ซึ่งตามขั้นตอนวิธีการพิจารณาคดีอาญา “มาตรา 176 กรณี จำเลยรับสารภาพชั้นพิจารณาของศาล” ในมาตรา 176 วรรคแรก วางหลักเอาไว้ว่า ในชั้นพิจารณา ถ้าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้ เว้นแต่คดีที่มีข้อหาในความผิดซึ่งจำเลยรับสารภาพนั้นกฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านั้นศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง

ตามข้อเท็จจริง อัยการได้ส่งฟ้องตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 69 ในกรณีความผิดตามมาตรานี้ ถ้าไม้ที่มีไว้ในครอบครองเป็น (1) ไม้สัก ไม้ยาง หรือไม้หวงห้ามประเภท ข. หรือ (2) ไม้อื่นเป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกันเป็นยี่สิบต้นหรือท่อนหรือรวมปริมาตรไม้เกินสี่ลูกบาศก์เมตร ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษาจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

ในศาลชั้นนี้ปรากฏว่าผู้ต้องรับสารภาพ (เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560) โทษจำคุกขั้นต่ำไม่ถึง 5 ปี ศาลสามารถทำคำพิพากษาและอ่านคำพิพากษาคดีได้ทันที เพราะไม่จำเป็นต้องมีการสืบพยาน ตามวิธีการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา

กำลังโหลดความคิดเห็น