ศูนย์ข่าวศรีราชา - วิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ ม.บูรพา จัดบรรยายพิเศษในหัวข้อ “พระราชปรัชญาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชปรัชญาด้านการบริหารและการปกครอง” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
วันนี้ (30 เม.ย.) วิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี ได้จัดให้มีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “พระราชปรัชญาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชปรัชญาด้านการบริหารและการปกครอง” โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ณ ห้องประชุมชั้น 8 อาคารบริหาร วิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยมี ผศ.ดร.บรรพต วิรุณราช คณบดีวิทยาลัยฯ ให้การต้อนรับ และมีนิสิตระดับปริญญาโท รวมทั้งคณะครู บุคลากรทางการศึกษาจากเทศบาลทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และเทศบาลเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมรับฟังการบรรยาย
ดร.สุเมธ เผยว่า พระราชปรัชญาด้านการบริหารและการปกครองตลอดระยะเวลาแห่งการทรงงานขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ กว่า 70 ปีที่ผ่านมา ได้เปิดโอกาสให้ผู้ทำงานได้เรียนรู้ถึงแนวคิดในหลักการทรงงานต่างๆ ที่ทรงตั้งใจทำงานให้แก่ชาติบ้านเมืองโดยไม่มีเงื่อนไข และยังมีพระเมตตาให้ผู้ทำงานได้พิจารณา และวิเคราะห์ถึงหลักการทรงงานต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการทำงานให้แก่ทั้งตนเอง และชาติบ้านเมือง
“การทำงานถวายพระองค์ท่านในครั้งแรกคือ ความวิตกกังวล และทุกข์ใจ เพราะไม่รู้ในสิ่งที่พระองค์ทรงทำ ซึ่งพระองค์ก็ทรงบอกว่าไม่รู้ไม่เป็นไร เพราะสิ่งต่างๆ สามารถเรียนรู้กันได้ ดังนั้นการทำงานกับพระองค์ก็คือ การค่อยๆ เรียนรู้ และพิจารณาทุกสิ่งอย่างที่ท่านทำ และยังต้องจดทุกอย่างที่ท่านพูด ฟังทุกอย่าง และนำกลับมาวิเคราะห์และพิจารณาจนรู้ว่าท่านทรงทำทุกอย่างให้คนไทย ทั้งการดูแลดิน น้ำ ป่าไม้ และทรัพยากรต่างๆ ด้วยใจที่ไม่มีใครบังคับ”
ดร.สุเมธ ยังกล่าวอีกว่า ในวันนี้คนไทยพยายามที่จะเข้าใจปรัชญาของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ แต่มีผู้ใดใบ้างที่จะหยิบประโยคที่ท่านสอนมาวิเคราะห์ เพราะคนไทยชอบเห็นพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยมองในสิ่งที่ท่านทำ คนไทยชอบได้ยินเสียงของพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยฟังในสิ่งที่ท่านสอน โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ซึ่งเป็นประโยคที่ทุกคนท่องได้หมด แต่กลับไม่มีใครรู้ และเข้าใจถึงสถานะของท่านว่าท่านทรงงานหนักเพียงใด
“ท่านเป็นประมุขของแผ่นดิน และท่านก็เลือกที่จะเป็นประมุขที่อยู่ในฐานะพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งท่านไม่มีอำนาจทางการปกครอง แต่ท่านก็ดูแลแผ่นดินด้วยความรับผิดชอบโดยไม่มีการบังคับ ทุกสิ่งที่ทำทรงทำให้คนไทย และแผ่นดิน ท่านทำด้วยใจมาตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี แห่งการครองราชย์” ดร.สุเมธ กล่าว