ศรีสะเกษ - ยายเด็กแฝดเผยพ่อเด็กผิดสัญญาที่ไม่ให้เยี่ยมและพบหน้าหลาน ทั้งที่บันทึกประจำวันระบุชัดให้ยายและญาติพี่น้องไปเยี่ยมดูแลความเป็นอยู่ได้ วอนพ่อเด็กรักษาสัญญาด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เกิดเหตุมีการเผยแพร่ภาพทางสื่อโซเชียลว่าพ่อกับยายและป้าพากันยื้อแย่งน้องใบบัว และน้องใบเตย สองเด็กแฝดที่คลอดออกมาแล้วแม่ของเด็กแฝดได้เสียชีวิต ยายและป้าต้องเลี้ยงดูเด็กทั้ง 2 คนมาตั้งแต่เกิด จนกระทั่งอายุได้ 7 ขวบ และพ่อเด็กพร้อมด้วยทนายความและตำรวจจะมานำตัวไปเลี้ยงดู โดยพ่อเด็กได้กระชากเอาเด็กแฝดทั้ง 2 คนขึ้นรถปิกอัพเดินทางไปอยู่ที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ทำให้ยายกับป้าและญาติพี่น้องพากันอาลัยรักและคิดถึงหลานทั้ง 2 คน
สุดท้ายทนความคิดถึงและความห่วงใยหลานสาวทั้ง 2 คนไม่ไหว จึงได้พากันหอบเอารูปแม่ของเด็กแฝดเดินทางไปที่บ้านพ่อของเด็กที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี แต่ว่าไม่พบหลานสาวฝาแฝดทั้ง 2 คน พบเพียงประตูบ้านปิดเงียบ ทำให้ยายต้องออกมาจากบ้านพ่อของเด็กด้วยความเศร้าสร้อยและพากันเดินทางกลับไปบ้านญาติที่ จ.ชลบุรี และเกิดความเครียดอย่างหนักจนทำให้ล้มป่วย ญาติพี่น้องต้องพากันดูแลอย่างใกล้ชิดตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 17.30 น. วันนี้ (29 เม.ย.) นางเสาร์ พวงท้าว อายุ 66 ปี ยายของเด็กแฝด เปิดเผยว่า ตนเสียใจมากที่เดินทางไปที่บ้านพ่อเด็กที่ จ.นนทบุรี เพื่อที่จะไปเยี่ยมหลานสาวฝาแฝดแล้วไม่เห็นหน้าหลานสาว บ้านปิดประตูเงียบทั้งที่ตามบันทึกประจำวันของสถานีตำรวจอุทุมพรพิสัย เมื่อเวลา 14.20 น. ลงวันที่ 22 เม.ย. 60 ได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า
“ซึ่งหากฝ่ายนางเสาร์และญาติพี่น้องประสงค์จะไปเลี้ยงดูหรือดูความเป็นอยู่ของหลานทั้ง 2 คน นายสุรชัยก็ยินดีให้ไปเยี่ยม”
โดยได้มีการลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน มี พ.ต.ต.ธงชัย ตอพิมาย พนักงานสอบสวน สภ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แต่ว่า ขณะนี้ตนไม่ทราบว่าพ่อของเด็กนำหลานทั้ง 2 คนของตนไปไว้ที่ใด และไม่รู้หลาน อยู่ดีมีความสุขหรือไม่ การที่ตนไปเยี่ยมหลานเพราะทำตามบันทึกประจำวันของตำรวจ ที่นายสุรชัยได้ให้ความยินยอมไว้
ตนขอให้นายสุรชัยทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้ต่อกันด้วย เพราะว่าการที่ตนไปเยี่ยมหลาน แล้วไม่พบหลาน ตนเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ตนพยายามมีการโทรศัพท์ติดต่อกับพ่อของเด็กแล้วแต่ไม่สามารถติดต่อได้ อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ของจังหวัดนนทบุรีก็พาไปตรวจสอบที่บ้าน พร้อมด้วยสื่อมวลชนก็ไม่พบหลานสาวฝาแฝดของตนแต่อย่างใด
นางเสาร์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้อาการป่วยของตนยังทรงตัว เนื่องจากว่าตรอมใจมากที่ไม่เห็นหน้าหลานสาว ญาติพี่น้องของตนที่จังหวัดชลบุรีที่ตนไปพักอยู่ได้ซื้อยามาให้กิน แต่ยังคงมีอาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง ซึ่งช่วงที่ตนไปจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านพ่อของเด็กและมีการนัดหมายที่จะพบกันกับพ่อของเด็ก ตามที่เจ้าหน้าที่นนทบุรีได้เป็นตัวกลางนัด เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2560 ซึ่งมีการสับเปลี่ยนจากช่วงเช้าเป็นช่วงบ่ายนั้น
เนื่องจากว่าตนมีอาการป่วยอย่างหนัก ทำให้ไม่สามารถไปตามกำหนดได้ และญาติพี่น้องได้พาตนเดินทางมาพักที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านของลูกสาว
ขณะนี้ตนไม่ต้องการมีปัญหาใดๆ กับพ่อเด็ก ตนต้องการเพียงเจอหน้าหลาน เพื่อให้รู้ว่าอยู่ดีมีความสุขอีกครั้ง ซึ่งตนไม่อยากมีปัญหากับพ่อของเด็กแต่อย่างใด ทั้งตนยังได้นำเสื้อผ้ามาให้หลานสาวด้วย เพราะวันที่พ่อของเด็กพาตัวมานำเสื้อผ้ามาเพียงชุดเดียวเท่านั้น
นางเสาร์บอกอีกว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าหลานสาวของตนมีความสนิทสนมกับผู้หญิงคนสนิทของนายสุรชัย พ่อของเด็ก ตนไม่เชื่อว่าเหตุการณ์เป็นจริงตามข่าว เนื่องจาก ใบบัว และใบตอง ไม่ได้คุ้นเคยกับใครง่ายๆ โดยเฉพาะกับพ่อของเด็กที่ปีหนึ่งมาเยี่ยมเพียง 1-2 วันเท่านั้น ตนจะเชื่อได้อย่างไรว่าหลานสาวทั้งสองคนอยู่ดีหรือไม่ และตนไม่อยากมีปัญหา ขอให้ได้เห็นกับตาตนเองเท่านั้น
จึงขอวอนให้นายสุรชัย พ่อของเด็ก ได้ทำตามบันทึกข้อตกลงตามบันทึกประจำวัน ของตำรวจสถานีตำรวจอุทุมพรพิสัยด้วย
ทางด้าน นางปุณณภัทร พวงเท้า ซึ่งเป็นป้าของเด็กแฝด กล่าวว่า ขณะนี้ตนมีความเป็นห่วงหลานทั้งสองเป็นอย่างมาก เนื่องจากยังไม่คุ้นเคยกับพ่อ เพราะตนรู้นิสัยของหลานทั้งสองของตนดี และไม่อยากให้ผู้ใหญ่เอาแต่ใจตัวเองใช้แต่กฎหมายโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของหลานตน และทางตนพร้อมที่จะเจรจากับพ่อของเด็กเพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้
แต่อย่างไรก็ตาม พ่อของเด็กควรทำตามบันทึกข้อตกลงตามที่ทำไว้ที่สถานีตำรวจอุทุมพรพิสัย ที่อนุญาตให้ตนและยายไปเยี่ยมหลานสาวทั้งสองของตนแล้ว
