คนปายเดือด..สื่ออิงกระแสข่าวค้ากาม อ้างเด็กชาวเขาเร่ขายตัวถนนคนเดิน

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ชาวเมืองปายเรียงหน้าโต้เดือด สื่อบางแห่งอิงกระแสข่าวค้ากามน้ำเพียงดิน-อ้างแหล่งข่าวความมั่นคงบอกมีเด็กสาวชาวเขาเร่ขายตัวกลางถนนคนเดิน จี้ขอโทษด่วน นายอำเภอ-หัวหน้าเรือนจำยันแม้แต่ข่าวลือยังไม่เคยได้ยิน ร่วม 6 ปีไม่มีผู้ต้องขังคดีค้ามนุษย์ สมาคมท่องเที่ยวฯ ขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวันแล้ว

วันนี้ (28 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังคดีค้ากามน้ำเพียงดิน จ.แม่ฮ่องสอน เป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้ ได้มีสำนักข่าวระดับประเทศแห่งหนึ่งเขียนข่าวพาดพิงถึงอำเภอปาย ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวทางนิเวศและวัฒนธรรม ไปในทางที่เสียหายต่อภาพลักษณ์ของเมืองปาย

นายสินสมุด พรมสุวรรณ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวปาย จ.แม่ฮ่องสอน ได้เดินทางไปยัง สภ.ปาย เมื่อเวลา 20.30 น.ที่ผ่านมา (27 เม.ย.) เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานถึงกรณีที่มีสำนักข่าวดังกล่าวเขียนพาดพิงเมืองปายว่า

“แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระบุว่าในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.ปาย ยังคงมีการค้าประเวณีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ อ.ปาย ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว ยังคงมีการลอบค้าประเวณีและการจัดหาเด็กให้แก่นักท่องเที่ยว นอกจากนั้นยังมีเด็กชาวเขาอายุต่ำกว่า 18 ปี เดินเร่ขายบริการทางเพศในถนนคนเดินอีกด้วย ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข้อมูลไปแล้ว”

นายสินสมุดได้แสดงความคิดเห็นว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ในเมืองปายมาก่อนเลย ผู้ประกอบการต่างๆ บนถนนคนเดินก็ได้ร่วมกันสอดส่องมาโดยตลอด ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะเกรงจะส่งผลกระทบต่อปาย ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวัฒนธรรม

ในส่วนของผับ บาร์ ที่ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ไม่ได้มีผู้หญิงนั่งดริงก์แบบที่เรียกว่า “เกิร์ลลีบาร์” หากใครที่เคยมาเที่ยวถนนคนเดินปายก็จะรู้กันดีว่าเมืองปายไม่ได้มีเรื่องแบบนี้แน่นอน สถานบันเทิงต่างๆ บนถนนคนเดินก็เปิดให้บริการตามเวลาที่กฎหมายกำหนด คือแค่เที่ยงคืนเท่านั้น

ส่วนพี่น้องชนเผ่าที่ถนนคนเดิน ส่วนใหญ่ก็เปิดขายของที่ระลึก เสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋าต่างๆ ซึ่งเป็นสินค้าของชนเผ่านั้นๆ และมีบางส่วนที่มาแสดงดนตรีพื้นเมืองประจำเผ่าของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่มาแบบครอบครัว มีผู้เฒ่าผู้แก่และเด็กๆ มาด้วยกัน

“จึงอยากจะทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนชาวไทยว่าเมืองปายไม่ได้เป็นอย่างข่าวที่ปรากฏในเนื้อข่าวของสำนักข่าวนั้นแต่อย่างใด”

ด้านนายศิวนาท สามิตร เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าเรือนจำชั่วคราวปาย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะที่ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนี้ ย่างเข้าสู่ปีที่ 6 แล้วยังไม่เคยมีคดี หรือรับผู้ต้องหา, ผู้ต้องขังในคดีค้าประเวณี ค้ามนุษย์ หรือขายบริการสักรายเดียว

นายศิวนาทได้กล่าวเพิ่มเติมถึงการที่ได้แสดงดนตรีราชทัณฑ์จิตอาสาบนถนนคนเดินปายเป็นเวลา 5-6 ปีมาแล้วเช่นกันว่า ไม่เคยเห็นมีเด็กสาวชาวเขา ชาวดอย หรือเด็กในเมืองปายมาเดินเร่ขายบริการทางเพศให้แก่นักท่องเที่ยวแต่อย่างใด ในฐานะของชาวปายคนหนึ่ง ขอเรียกร้องว่าช่วยให้ความยุติธรรมกับเมืองปายด้วย ไม่ควรที่จะมีการเขียนข่าวไปในเชิงลบให้ร้ายเมืองปายแบบนี้ ต้องมีคนรับผิดชอบ และออกมากล่าวคำขอโทษต่อคนอำเภอปายด้วยที่ลงข่าวแบบนี้ออกไป

นายธนกฤต ฉันทะจำรัสศิลป์ นายอำเภอปาย ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ขอปฏิเสธข่าวนี้โดยสิ้นเชิง ซึ่งทางอำเภอปาย พร้อมด้วยหน่วยงานต่างๆ ทั้งทหาร ตำรวจ ได้ให้ความสำคัญกับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองปายคือ ถนนคนเดิน เป็นอย่างมาก มีการร่วมมือกันออกตรวจตรากันเป็นประจำ ไม่ได้ปล่อยปละละเลย

“แม้แต่ข่าวลือเรื่องนี้ก็ยังไม่เคยได้ยินแม้แต่น้อย ไม่เคยมีปรากฏว่ามีการพูดถึงชาวเขามาเดินเร่ขายบริการแต่อย่างใด นับว่าเป็นการเข้าใจผิดของแหล่งข่าวมากๆ ที่ปรากฏข่าวนี้ออกไป สร้างความตระหนกตกใจแก่ผู้ประกอบการบนถนนคนเดิน และประชาชนชาวปายทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และละเอียดอ่อนมากๆ”

นายอำเภอปายยืนยันว่า ชาวเขาที่มาประกอบอาชีพบนถนนคนเดินปายก็มีเพียงแค่แสดงดนตรีชนเผ่าและค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่เคยพบว่ามีการเดินเร่ขายประเวณีตามที่เป็นข่าวออกไปแต่อย่างใด

และตามเนื้อข่าวที่บอกว่ามีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเป็นแหล่งข่าว และมีการลงพื้นที่สืบสวนแล้วนั้น ทางปลัดความมั่นคง อ.ปายก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ทราบเรื่องแต่อย่างใด ไม่รู้ว่าข่าวออกไปได้อย่างไร

ในส่วนของเนื้อข่าวจากสำนักข่าวแห่งนั้นที่ได้เสนอออกไป เบื้องต้นข่าวเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และได้มีการพาดพิงมาถึง อ.ปาย ตามเนื้อหาที่ทางนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวปายได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ปาย

ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความตกใจให้ชาวอำเภอปายเป็นอย่างมาก เป็นที่กล่าวถึงกันทั่วไปอยู่ในขณะนี้ บางส่วนได้ให้ความเห็นว่า ทางสำนักข่าวที่นำเสนอข่าวนี้ออกไป ควรที่จะออกมาแก้ข่าวและขอโทษชาวอำเภอปายอย่างเป็นทางการ โดยอาจจะมีการเคลื่อนไหวจากชาวอำเภอปายต่อไป เพื่อเป็นการประท้วงสำนักข่าวดังกล่าวด้วย